Pages

Saturday 11 February 2012

เจ้าหนูมาร์ล่า... จี๊ดๆ [นิทานต่างมิติ]


มาร์ล่าเป็นหนูน่ารัก เธออาศัยอยู่ในเมืองแห่งหนูกินดีอยู่ดีแสนจะมีความสุข แต่ มาร์ล่าฝันถึงเรื่องราวที่เธอไม่เข้าใจบ่อยๆ ในฝันนั้นเธอลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างที่ยากจะอธิบาย ด้วยความที่เป็นหนูช่างสงสัย เธอจึงถามหนูพระเจ้าว่า "จี๊ด..จี๊ด.." (ผมรู้ว่าคุณฟังไม่ออก.. ใจเย็นครับ เดี๋ยวแปลให้)

"ท่านเจ้าขา..ความฝันเหล่านี้มันคืออะไรเจ้าค้ะ ดิฉันสนใจใคร่รูู้้มากเลย" มาร์ล่าถาม ทันใดนั้นเอง...หนูนางฟ้าที่มีปีกปุกปุยสองนางก็ปรากฏตััวขึ้นแล้วพูดว่า "มาร์ล่า เรามาพาเธอไปดูว่าความฝันของเธอคืออะไร.. เธออยากไปดูมั้ยจ้ะ มาซิมากับพวกเรา" ..

"ไปเจ้าค่ะ..ไปๆ" มาร์ล่าตอบ

"จี๊ดๆ.. ดีมากจ้ะ แต่ต้องเตือนเธอก่อนนะว่าการเดินทางนี้ เธอจะไม่ได้เธอเพื่อนๆเธอนานทีเดียว แล้วมันก็ไม่ง่ายนัก เพราะเราต้องปีนเขาไปอีกหลายลูกเลย" นางฟ้าอธิบาย

"ไม่เป็นไร.. รีบไปกันเลย ฉันอยากรู้จะแย่แล้ว.. จี๊ดๆ" มาร์ล่ารีบตอบอย่างตื่นเต้น

ดังนั้นนางฟ้าจึงเดินจูงมือมร์ลา เริ่มออกเดินทางออกจากเมืองแห่งหนู นางฟ้าพูดถูก มีหลายครั้ง้ลยที่มันเหงาและยากลำบากจนมาร์ล่าอยากจะล้มเลิกการเดินทาง จริงๆมันก็ง่ายที่จะยอมแพ้เอาหางจุก-ูดกลับบ้าน (ผู้แปล.. ขออภัยที่ต้องเซ็นบางๆ บางทีครายออนก็เล่านิทานด้วยสำนวนที่เห็นภาพจนเกินไปนิดส์) แต่มอร์ลาก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอเดินไปข้างหน้าทีละวันๆแม้ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดก็ตาม

ระหว่างทางมาร์ล่าสังเกตุว่ามีหนูตัวอื่นๆที่มีฝันที่ยากจะอธิบาย แล้ว่ก็ถามพระเจ้าเหมือนที่เธอทำ หนูขี้สงสัยทั้งหมดนี้ก็ปีนขึ้นเขาต่อๆกันเป็นขบวนยาวเหยียด หนูบางคนก็เดินทางมาก่อนมาร์ล่าซะอีก หนูบางคนก็ล้มเลิกไปก็มีเพราะรู้สึกว่ามันยากลำบากเกินไป บางคนก็คิดถึงเพื่อนๆคิดถึงบ้านแล้วตัดสินใจกลับไป แต่ก็มีหนูไม่น้อยที่ไม่ยอมแพ้ ยังคงเดินตามนาฟ้าหนูเพื่อค้นหาความหมายแห่งฝันอันงดงามที่พวกเขาฝันถึง

ในที่สุดก็มาถึงยอดเงื้อมผาใหญ่ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ถูกเอาชนะโดยความปรารถณาอันแรงกล้าที่จะใขปริศนาแห่งความฝันอันวิจิตนั้นให้ได้

บนเงื้อมตระหง่านนั้น..หนูทั้งหมดยืนเรียงหน้ากระดาน สิ่งที่เขาเห็นคือมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ ผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน กลิ่นน้ำทะเลที่พัดโชยมากับลมทะเลมันช่างน่าหลงไหลและดึงดูดอย่างประหลาด มาร์ล่าและเพื่อนๆตื่นเต้นมากเพราะพวกเขารู้ว่าบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

นางฟ้าหนูเริ่มพูด .. "จี๊ดๆ.. เรามีเรื่องที่จะเฉลย ที่จริงพวกเธอไม่ได้เป็นหนูหรอก จริงๆแล้วเธอเป็นปลา"

เรื่องนี้ทำให้มาร์ล่าอึ้งไปพักใหญ่ "แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันอยากเป็นปลาหรือเปล่านี่..จี๊ดๆ" ดังนั้นนางฟ้าจึงแสดงให้มาร์ล่าดูว่าเขากำลังพูดถึงปลาแบบไหน เราเป็นปลาตัวใหญ่ ใหญ่กว่าหนูซักร้อยเท่า ยิ่งใหญ่สูงส่งสง่างามเรืองแสงสีเงินยวงและมีประกายระยิบระยับ ทำเอามาร์ล่าตะลึงจนอ้าปากค้างอีกครั้ง เธอได้รู้แล้วว่าในความฝันนั้น เธอคือปลาที่ยิ่งใหญ่นี้ที่แหวกว่ายเล่นน้ำ ทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็ดำดิ้งลงใต้พื้นน้ำด้วยพละกำลังจากกล้ามปลาอย่างอิสระ ไร้ซึ่งขีดจำกัดทั้งปวง แค่ขยับหางเบาๆก็ส่งตัวไปไกลหลายหลาแล้ว มันช่างเป็นอิสรเสรีที่เกินบรรยายแน่ๆที่ได้แหวกว่ายล่องลอยอยู่ในน้ำแบบนั้น มาร์ล่ารู้สึกแล้วว่านี่แหละคือที่ที่เธอจากมา ที่นี่คือบ้าน

ขณะที่พวกหนูทั้งหมดที่นั่นได้รับรู้และเข้าใจเรื่องราวไปพร้อมๆกัน ไกลออกไปในมหาสมุทรก็มีปลามากมาย เชิดหัวขึ้นโบกครีบไปมาเรียกพวกเขาใหญ่เลย .."เฮ้.. ทางนี้ๆ จำฉันได้เปล่า เราเคยเป็นเพื่อนหนูกันนะ"

มาร์ล่าจำปลาบางคนได้ "จำได้ซิ.. ฉันเคยสงสัยเหมือนกันว่าพวกเธอจู่ก็หายไปไหน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว"

หลังจากปล่อยให้ตำลึงไปยกแรก...นางฟ้าหนูเฉลยต่อ "นี่ไม่ใช่เพียงแค่ไขความหมายแห่งความฝันของพวกเธอเท่าน้นหรอก เธอได้รับรางวัลจากการเดินทางมาที่นี่อีกด้วย  เพียงแต่บอกว่าเธอต้องการ.. ถ้าเธอเลือก เธอจะได้กลับไปเป็นปลาผู้สง่างามนั้นเดี๋ยวนี้ เธอจะได้กลับไปอยู่ในหมู่เพื่อน ไปมีชิวิตที่ยืนยาว เธอได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้"

มาร์ล่ามองเพื่อนหนูสามตัวกระโดดลงไปในมหาสมุทรทันที มันมหัศจรรย์มาก ราวกับว่าพวกเขาถอดชุดหนู แล้วก็กระโดดลงน้ำไป มาร์ล่าคิดแล้วถามนางฟ้าของเธอถึงคนอื่นๆที่ยังอยู่ในเมืองว่าพวกเขาจะมาที่นี่หรือเปล่า

"ไม่หรอก นี่ไม่ใช่สำหรับหนูทุกตัว พวกเขาต้องขอเหมือนที่เธอขอ ถามเหมือนที่เธอถาม และต้องตระหนักรู้ถึงการค้นหาภายใน" นางฟ้าคนนึงตอบ

"แล้วพวกเขาจะรู้ได้งัยว่านั่นคือสิ่งที่ต้องทำ" มาร์ล่าถามต่อ "ก็ผ่านความฝัน และความตื่นรู้" นางฟ้าตอบ

มาร์ล่าถามคำถามที่สำคัญมาก "ถ้าฉันเลือกที่จะกลับไป แล้วช่วยพวกเขาใหตื่นรู้หละ ฉันจะยังได้เป็นปลาอยู่มั้ย"

นางฟ้าปลาหนู "ได้ซิ..ได้ทุกเมื่อหากเธอต้องการ ที่จริงแล้ว เธอสามารถเป็นปลาตอนนี้เลยแล้วก็ไปช่วยเพื่อนๆในเมืองได้ด้วย"

"ฉันจะอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันได้งัย" มาร์ล่าถามด้วยความสงสัย "รูปร่างปลาของฉันจะไม่ทำให้พวกหนูในเมืองตกใจกันหมดเหรอ"

"ถือว่าเป็นการเริ่มเข้าโครงการฝึกอบรมนางฟ้าปลาหนูเลยแล้วกัน จี๊ดๆ เธอจะเข้าใจในไม่ช้า ถ้าเธอกลับเข้าเมืองอย่างปลา หนูเมืองบางคนจะปฏิเสธเธอ เพราะเขาไม่สามารถเห็นความเป็นปลาของเธอ แต่เขารู้แต่ว่าเธอแปลกและไม่เหมือนพวกเขา การอยู่สองที่หรือเป็นสองอย่างในเวลาเดียวกันมันไม่ง่ายนะ มันก็ขึ้นอยู่กับเธอนั่นเองที่จะเลือกแบบไหน มาอยู่กับเรามั้ยหละ" พูดเพียงแค่นั้นแล้วนางฟ้าปลาหนูก็กลายร่างเป็นปลา และหายไปในมหาสมุทรพร้อมคนอื่นๆ
--------------------------
ถ้าเป็นนิทานก่อนนอนทั่วไป พอเรื่องถึงตรงนี้ มาร์ล่าก็น่าจะเลือกเป็นปลาและมีความสุขไปชั่วนิรันดร์ แต่ในเรื่องนี้ นางฟ้าปลาหนูให้มาร์ล่าเลือก เราจะหลุดเรื่องไว้เพียงแค่นี้

เราหวังว่าคุณจะเข้าใจสาระสำคัญของเรื่อง ในพลังงานใหม่ คุณบางคนจะต้องเลือกระหว่างการจบสิ้นภารกิจในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก ในอีกทางเลือกหนึ่ง คุณจะยังคงสถานะเดิมและรับใช้มนุษย์ชาติต่อไป และที่สำคัญอย่าเข้าใจผิดว่าทุกคนจะต้องโดนบังคับให้ตัดสินใจ โปรดรู้ว่าคุณจะได้รับความนับถือ ไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิด คุณต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเมื่อถึงเวลาคุณจะรู้เองว่าต้องทำอะไร ดังนั้นคำตอบของมาร์ล่าขึ้นอยู่กับใจของคุณ นั่นเป็นกระบวนการยกระดับในพลังงานใหม่

Friday 10 February 2012

อานิสงค์แห่งทุกข์

อานิสงค์แห่งทุกข์
  1. คุณทราบหรือไม่ว่าธรรมะที่สำคัญระดับฉุกเฉินเร่งด่วน ขนาดว่าการดับไฟที่ใหม้หัวยังสำคัญน้อยกว่าเรียนธรรมะข้อนี้ ธรรมะข้อนี้ให้ความสำคัญกับการ "รู้" ทุกข์เป็นอันดับแรก เมื่อรู้อย่างนี้ก็ไม่ต้องวิ่งหนีทุกข์(ที่ใจ)กันแล้ว ขยันสอดส่องหาความทุกข์ไม่ว่ามันจะซ่อนหรือถูกซ่อนไปอย่างเนียนก็หามันให้เจอ เจอทุกข์แล้วให้ทัก ทักแล้วรีบลา ลาแล้ว(ยิ้ม)รอทุกข์รอบใหม่ ซ้อมกระบวนท่านี้เป็นประจำ วิกฤตแห่งทุกข์ของคุณก็จะเป็นโอกาสและความสุขได้ไม่ยาก
  2. คุณทราบหรือไม่ว่าเราเรียนรู้และเติบโตจากความสุขได้น้อยมากหรือไม่เลย แต่ตรงกันข้าม เราสามารถเรียนรู้และเติบโตจากความทุกข์อย่างมากมาย มุมมองนี้อาจจะฟังดูขัดๆแต่มันเป็นธรรมชาติเช่นนั้นครับ คุณลองดูของมีค่าตามธรรมชาติว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพชรมีสารตั้งต้นคือถ่านแต่ถูกกระทำด้วยความร้อนและความดันหลายพันปี ถ่านจึงถูกเปลี่ยนเป็นเพชร คนก็เช่นเดียวกัน ผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงต้องผ่านความล้มเหลงมาแล้วหลายครั้ง มีคนคนทำสถิติด้วยครับว่า เศรษฐีเจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ จะต้องทำบริษัทแล้วเจ๊งโดยเฉลี่ย 7 ครั้ง



ขอยกกรณีตัวอย่างของการฝีกฝนผ่านความทุกข์ โดยใช้พลังแห่งความรักช่วยผลักดัน ผลที่ได้มิใช่เพียงความแข็งแกร่งของกายและใจ ผมว่าเขาได้รับรางวัลแห่งชีวิตหรือะไรที่ยิ่งกว่านั้นซะอีก เป็นกรณีของครอบครัว Hoyt ... คุณพ่อ Dick (Hoyt) คุณแม่ Judyมีลูกชายขื่อ Rick Rick ซึ่งขาดอ็อกซิเจนตอนเกิดจนพิการทางสมอง Rick พูดไม่ได้เดินไม่ได้ ไม่มีทางมีชีวิตปกติ ผมคิดไม่ออกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทุกข์ซักขนาดไหนที่มีลูกพิการ Dick และ Judy ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเหมือนคนปกติ จนได้เข้าโรงเรียน อายุ 15 Rick อยากวิ่งการกุศลหาทุนช่วยเพื่อนที่เป็นอัมพาต Dick จึงตกลงแข่งร่วมกับลูกชายที่นั่งในรถเข็น เมื่อเขาวิ่งพร้อมรถเข็นเข้าเส้นชัย Rick ก็พูดกับพ่อว่า "พ่อครับ...ตอนผมลงแข่ง ผมไม่รู้สึกว่าผมเป็นคนพิการเลย"
ด้วยจุดเริ่มต้นตรงนั้น.. Dick และ Rick ก็ลงแข่งวิ่งมาราทอน อีกหลายสนาม รวมทั้งแข่งไตรกรีฑา "คนเหล็ก" ที่แม้แต่คนธรรมดายังเอาตัวไม่รอด รางวัลให้ชีวิตที่ Dick ได้รับ ไม่ใช่เพียงแค่ความสุขที่สามารถทำให้ Rick ไม่รู้สึกถึงความพิการของเขา แต่ยังมีอีกอย่างคือ ... หมอตรวจพบความผิดปกติทางหัวใจ หมอบอกว่า ถ้าเขาไม่วิ่งเพื่อลูก จนร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ เขาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
จนถึงวันนี้ ครอบครัว Hoyt ก็ยังลงแข่งไตรกรีฑาอยู่ ทั้งคู่ยังไม่คิดจะเลิก
  1. ทุกข์คือตัวสร้างและคัดกรองเพื่อนแท้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเพื่อนกินเที่ยวหาง่าย เพื่อนตายหายาก แม้ว่าคุณจะมีเพื่อนมากมายแวดล้อมตัวคุณในวาระแห่งความสุขต่างๆ แต่จะมีสักกี่คนในกลุ่มนี้อยู่กับคุณในยามที่คุณไม่มีอะไรเหลือมอบให้พวกเค้าได้ และจำนวนมันจะน้อยลงไปอีกที่จะยังอยู่กับคุณในยามลำบากหรือมีความทุกข์ต้องการความช่วยเหลือจากเขา และจะน้อยลงที่สุดถ้าเขาต้องเสียสละเพื่อคุณ ดังนั้นในยามที่มีความทุกข์ ที่คุณอาจเหลือเพื่อนเพียงไม่กี่คนอยู่ข้างกาย อย่าเสียใจ เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คุณได้อยู่กับคนที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองที่สุดแล้ว ที่จริงคุณอาจจะแปลกใจที่เพื่อนที่ไม่เคยอยากร่วมสุข กลับเป็นคนที่พร้อมจะร่วมทุกข์กับคุณมากที่สุด .. บางที่ชีวิตก็สวยงามเบ่งบานในเวลาที่เราไม่คาดฝัน
  1. ซักวันคุณอาจจะได้เป็น Hero ...คุณทราบมั้บว่า Hero ของผมหลายคนเป็นคนพิการ


อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม ตอนอายุ 24 เขาประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทกพื้นที่ก้นสระว่ายน้ำ ชาไปทั้งตัวเป็นอัมพาต คงไม่ต้องอธิบายว่าความทุกข์บีบคั้นทั้งกายทั้งใจขนาดไหน ปัจจุบัน "จิต" ลาออกจากความพิการและความทุกข์แล้ว และเป็นนักพูด ผู้บรรยายธรรมที่มีชื่อเสียง



Nick Vujicic เกิดมาพร้อมความพิการไม่มีแขนขา ปัจจุบันเขาเป็นนักพูดสร้างกำลังใจ บรรยายให้ผุ็ฟังกว่า 3 ล้านคนใน 24 ประเทศ 5 ทวีป


Hero ของผมทั้งสองท่านก็ฝ่าผ่านความทุกข์มากได้อย่างสง่างามและสุดภาคภูมิ ผมไม่ได้ขอหรืออยากให้คุณเป็นคนพิการ แต่คุญควรภูมิใจว่า เมื่อคุณผ่านด่านทุกข์สำเร็จไปได้ คุณก็พร้อมจะเป็นวีระบุรษของใครซักคนแล้วครับ
  1. สุดท้าย ทุกข์ซ้ำๆ คือโอกาสของการฝึกฝน ถ้าคุณเป็นเด็กขี้เกียจ การฝึกจะเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อมาก แต่กับมืออาชีพ โอกาสได้ฝึกฝนก่อนลงแข่งจริง เป็นสุดยอดปรารถณาเลย เพราะคุณรู้ว่าเมื่อการแข่งครั้งสุดท้ายมาถึง คุณจะลงแข่งด้วยความพร้อม และจะได้รับชัยชนะทีงดงามที่สุด ..... คุณต้องเลือกหละว่าจะเป็นคนขี้เกียจ หรือเป็นมืออาชีพ

มาถึงตรงนี้...คุณรู้สึกดีกับความทุกข์ขึ้นมาบ้างหรือยัง อยากออกไปลุยกับความทุกข์แบบมืออาชีพ เพาะบ่มเพชรในตัวคุณแล้วหรือยังครับ
ก่อนผมจะจบบทความนี้ ผมขออนุญาติแอบบอกความลับของจักรวาลให้คุณรู้อีกหน่อย.. คุณทราบมั้ยว่าทุกคนเกิดไม่ได้มาคนเดียว พระเจ้ามอบคนนำทางมาให้พร้อมเพื่อนร่วมทางมาด้วยเสมอ..แต่มนุษย์กลับเลือกที่จะเดินเหงาๆคนเดียว ....น่าขำปนน่าสงสารมั้ยครับ ขอเถอะ อย่าอยู่คนเดียวเลย มองรอบๆตัว เปิดตาเปิดใจให้เพื่อนได้้มีโอกาสเขาได้ทำหน้าที่ ตัวคุณเองก็เกิดมาเป็นเพื่อนร่วมทางของใครซักคนเช่นกันดังนั้นถือโอกาสทำหน้าที่นั้นเองด้วย ขอให้มีความสุขอยู่กับการรู้ทันทุกข์มากๆนะครับ

Thursday 9 February 2012

เจ้าหนอนอ้วน [นิทานต่างมิติ]



การละครั้งหนึ่งในป่าแห่งนึง....มีหนอนอ้วนกลมที่เป็นหัวหน้าหนอนแก้วในป่านั้น ได้รับข้อความจากเทพประจำป่า ตอนนั้นเป็นเวลาอาหารค่ำพอดี เจ้าหนอนอ้วนก็กินใบไม้อย่างเอร็ดอร่อย.. งั่มงั่ม....อืม์...งั่มงั่ม

เมื่อท่านเทพปรากฎตัว กล่าวทักทาย ว่างัยท่านหนอน สบายดีรึเปล่า... เราเห็นว่าท่านทำตัวดี เป็นหัวหน้าหนอนที่ขยันและดูแลลูกน้องด้วยดีตลอดมา.. ขณะนี้เธอได้รับรางวัลเพราะเธอพร้อมแล้ว

ถ้าเธอต้องการเธอนะเธอสามารถบินได้ บินสูงด้วย เธอจะมีปีกที่สวยงาม

เจ้าหนอนก็เริ่มสนใจ.. จริงเหรอ .. แล้วฉันต้องทำงัยหละ

เทพแห่งป่าจึงได้อธิบายกระบวนการแปลงร่าง (พวกเรารู้จักกระบวนการนี้อยู่แล้วก็จากหนอนเป็นดักแด้แล้วเป็นผีเสื้อสวยงาม) เรื่องทั้งเรื่องเจ้าหนอนจำได้อยู่แค่ 2 ประเด็นคือ 1...ต้องมีตอนอดข้าว 2....แล้วต้องสลายร่างเก่าแล้วประกอบเป็นร่างใหม่..

ท่านเทพ... ท่านไม่รู้เหรอว่าหนอนหนะต้องกิน ไม่กินก็ไม่ใช่หนอน.. นี่เป็นธรรมชาติที่เป็นมานานแสนนานตั้งแต่ข้าจำความได้ข้าก็กินไม่หยุดจนสมส่วนแบบนี้... งั่มงั่ม....อืม์...งั่มงั่ม

แล้วจะให้ฉันสลายตัวเอง.. แบบนี้ก็ตายแหงๆ... เกิดมาไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้เลย... ฉันไม่เชื่อหรอก.. พระเจ้าไม่ให้จองขวัญที่ฉันต้องลำบากแบบนี้แน่ๆ ท่านให้หนอนอยู่สบายๆ กินนอนกินนอนอย่างมีความสุข ท่านต้องรักเรามากแน่ๆ แล้วอยู่ดีๆจะให้มาทำอะไรเสี่ยงๆได้งัย ไม่เชื่อไม่เชื่อ...

แล้วถ้าท่านอยากให้ของขวัญจริง ทำไมท่านไม่นำมาให้เราหละ ทำไมต้องให้เราทำด้วย..

เทพแห่งป่าก็พยามอธิบาย... พระเจ้าได้มอมพลังวิเศษที่ท่านเลือกได้นี่งัย แล้วท่านยังเตรียมร่างกายท่านหนอนให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้วด้วย..ที่เหลือคือท่านเลือกและทำตามขั้นตอนและปล่อยทุกอย่างที่เหลือเป็นหน้าที่ของเราและพระเจ้า

หนอนก็ยังไม่แน่ใจ...ถามต่อ.. แล้วท่านมีข้อพิสูจน์หรือไม่หละ.. ท่านเทพก็บอกว่า..มีซิ ท่านลองปีนไปดูข้างบนซิ ท่านจะเห็นหลักฐานมากมาย.. หนอนบินได้ที่มีปีกสวยงามบินอยู่เต็มท้องฟ้า ปีกใหม่ยามล้อเล่นกับแสงอาทิตย์มันสวยงานเกินบรรยายเลยทีเดียว

หา... ว่างัยนะ ท่านจะให้ข้าปีนไปข้างบนเหรอ.. ทำไมท่านไม่เอาหลักฐานมาให้เราดูหละ.. เวลาพระเจ้าพระทานของให้เราท่านก็สร้างมาในที่ๆเราอยู่ ดูซิพระเจ้าสร้างตาให้หนอนมองลงข้างล่างนะ มองปั๊บก็เห็นอาหารทันที... ดูซิพระเจ้าตัวจริงต้องทำแบบนี้ซิ

อีกอย่างนะหนอนไม่ชอบแดด... ท่านไม่รู้เหรอ.. ผิวอันบอบบางและทรงผมสุดเท่ห์นี่มันโดนแดดแล้วหมดรุปเลยเชียว... ท่านไม่รู้จริงหรือแกล้งกัน หนอนผมไม่หล่อนี่เสียรูปหมด

ท่านมีข้อพิสูจน์อื่นมั้ย... ท่านเทพก็บอกว่า ทางเดียวก็คือท่านต้องขึ้นไปดูเอง...

หนอนบอกว่า... เราไม่เชื่อหรอกแต่เดี๋ยวจะเอาไปปรึกษาที่สภาหนอนแก้วพรุ่งนี้เช้าก่อน... ทานเทพจึงกล่าวลาแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้าจนลับตาไป

ในตอนเช้า.. หนอนอ้วนผู้เป็นหัวหน้าก็เรียกชุมนุมสภาหนอนแก้ว...

เมื่อว่าท่านเทพแห่งป่ามาหาเรา... ท่านบอกว่าพวกเราทำหน้าของตัวเองได้ดี ตอนนี้ถึงเวลาแล้วท่านและพระเจ้าจึงมีรางวัลให้ ท่านบอกว่าเราสามารถเลือกที่จะแปลงร่างเป็นหนอนที่บินได้ แล้วยังจะมีปีกที่สวยงานยามบินล้อเล่นกับแสงแดดบนฟ้าด้วย

แต่เรามามันทะแม่งๆเพราะปกติพระเจ้าจะใจดี ท่านมองทุกอย่างให้เราง่ายๆ อาหารที่อยู่ทุกอย่างเพรียบพร้อม เราไม่ดิ้นรน... แต่พระเจ้าที่ที่เทพพูดถึงนี่ดูเปี๊ยนไป๋... ต้องให้เราอดอาหาร แล้วยังต้องให้เราสลายร่างตัวเองอีก ต้องเป็นปีศาจมาแอบอ้างแน่ๆ

เหล่าสมาชิดสภาหนอนก็ส่งเสียงงั่มๆฮือๆ..แสดงความเห็นด้วย และขอบคุณหนอนอ้วนผู้เป็นหัวหน้า ปัญญาของท่านช่วยพวกเราไว้นะเนี่ยะ ถ้าไม่ได้ท่านมาบอกข่าว เราคงต้องโดนหลอกไปอีกหลายตัวเลย... ขอบคุณท่านจริง... เหล่าหนอนในี่นั้นก็กระทืบเท้าเป็นการคารวะและชมเชยหนอนหัวหน้าผู้เฉียบแหลม

เรืองก็จบลงเพียงเท่านี้... ช่างน่าเสียดายเจ้าหนอนเอ๊ย ถ้าเจ้าจะปีนขึ้นไปดูซักนิด เจ้าจะเห็นว่าเจ้าพลาดอะไรไปอย่างใหญ่หลวง ไม่ใช้เจ้าหนอนอ้วนตัวหัวหน้าเท่านั้น นี่อดทั้งฝูงเลย..

บ่อน้ำมันดิน [นิทานต่างมิติ]


[จาก Kryon Parable]
[แปลโดย Kind Particle]

ลองจินตนาการถึงตัวคุณเองกับเพื่อนมนุษยคนอื่นๆอาศัยอยู่ในบ่อน้ำมันดิน
สกปรกเหนียวเหนอะหนะตั้งแต่หัวจรดเท้า จะเคลื่อนทีไปไหนก็อืดหนืดไปหมดเพราะน้ำมันดินมันเหนียวข้นมาก แต่เมื่อคุณเคลื่อนที่บ่อยเข้าก็เริ่มคุ้นชิน ปีแล้วปีเล่าที่คุณและคนอื่นๆอยู่ในบ่อน้ำมันดินจนยอมรับความอืดหนืดและสกปรกนี้เป็นธรรมชาติหนึ่งเช่นเดียวกับแรงดึงดูดของโลก (เราอยากบอกว่า)นั่นเป็นความเพ้อเจ้อของคุณ!

แล้วจู่ๆคุณก็ได้ของขวัญจากพระเจ้าแบบเงียบๆ มันเป็นของวิเศษที่ทำให้ร่างกายสะอาดแม้ว่าจะอยู่ในบ่อน้ำมัน ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนมันราวกับว่ามีสนามพลังรอบตัวคุณคอยผลักน้ำมันดินออกไป คุณน้อมรับของขวัญและภาระหน้าที่ที่มากับมัน

คุณเริ่มศึกษาวิธีใช้ แล้วคุณก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ คุณเริ่มที่จะโดดเด่นในสายตาคนอื่น คุณสะอาดสดใสและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในขณะที่ผู้คนรอบข้างยังชุ่มโชคด้วยน้ำมันดินเหนียวๆอยู่นั้นเอง

คุณเริ่มตระหนักด้วยอีกว่าคุณเองก็เป็นผู้ร่วมสร้างความมหัศจรรย์นี้ด้วย แต่มันเป็นของขวัญส่วนตัว คุณเลยไม่บอกใครถึงของขวัญจากพระเจ้าชิ้นนี้

ทีนี้คุณคิดว่าคนรอบข้างจะไม่สนใจคุณได้มั้ย..เมื่อคุณเดินตัวปลิวสะอาดสดใส คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดูนะพวกเขากำลังจะเปลี่ยน สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือ ไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหน คนจะเปิดทางให้ จากนั้นเขาจะถามคุณว่าทำได้งัย ถึงตอนนั้นคุณค่อยบอกเขาถึงของขวัญจากพระเจ้าและวิธีที่คุณใช้และร่วมสร้างความมหัศจรรย์นี้

พอได้ของวิเศษณ์ แต่เริ่มใช้มันกับตัวเอง คนที่สะอาดและเป็นอิสรจากน้ำมันเหนียวก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ละคนก็เพียงแค่ใช้เครืองมือกับตัวเองเหมือนที่คุณทำ ขณะที่คุณใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ลองมองว่ามันจะเกิดอะไรกับผู้คนรอบข้าง เกินครึ่งของพวกเขาจะอะสาดไม่ติดหนึบเหนอะหนะกับน้ำมันดินอีกต่อไป

มาดูกันว่ามันเพิ่งเกิดอะไรขึ้น.... คุณไม่ได้ชักชวนและเผยแพร่เรื่องของขวัญจากพระเจ้านั้นเลย แล้วก็ไม่ได้ขอให้ใครเปลี่ยนอะไรเพื่อคุณ แต่พวกเขาก็เปลี่ยนอยู่ดี  นี่คือผลของ "หนึ่งคนสร้างเพื่อหลายคน" ("one creates for many") เราจะบอกให้นะ เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันคือจุดเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงของคนรอบๆคุณ มนุษย์ไม่สามารถยืนดูเฉยๆได้เมื่อเห็นสันติสุข และความรักที่แผ่ออกไปจากคุณได้หรอก นี่เป็นการปลดอาวุธและส่งความรักไปพร้อมๆกัน มันทำงานเหมือนแม่เหล็กที่อยู่ท่ามกลางแม่เหล็ก ขั้วแม่เหล็กใหม่ของคุณจะส่งผลต่อการจัดเรียงตัวใหม่ของทุกคนรอบตัว ชีวิตและการดำรงอยู่ของคุณจะไม่มีวันเหมือมเดิมอีกต่อไป

ทารกพูดได้ [นิทานต่างมิติ]



เหตุการณ์มันเริ่มต้นที่ห้องซักผ้า... คุณแม่ยังสาวกำลังสาละวนกับการโยนผ้าเข้าเครื่อง ทันใดนั้นเอง เทวดา ตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น..

เจ๊อย์ย์ย์... ท่านมาทำอะไรที่นี่.. คุณแม่ ถาม. ทำไมหละ เธออยากให้ฉันไปปรากฏตัวที่อื่นเหรอ .. เทวดา ถาม

เปล่าเจ้าค่ะ... คือว่าดิฉันไม่คิดว่าจะเจอเทวดา ... แล้วนี่ท่านมาทำไมค่ะ

ฉันก็มาทำความฝันของเธอให้กลายเป็นจริงหนะซะ ... เทวดาตอบ

แต่ดิฉันไม่ได้ขออะไรนี่เจ้าค่ะ...หรือฉันไปเผลอขออะไรแผลงๆตอนเมาปลิ้น คุณแม่ชักจะเหวอๆตัวเอง

เปล่าหรอก.. ฉันรู้ว่ามันเป็นความปรารถณาของแม่ทุกคนที่อยากจะพูดคุยกับลูกให้เช้าใจ ยิ่งเขาเป็นเด็ก เราก็ยิ่งห่วง อยากบอก อยากสอน อยากห้าม อยากๆๆๆๆสารพัดนั้นแหละ.. ฉันก็เลยจะให้โอกาสเธอได้พูดกับลูกชายงัย ... เอามั้ยหละ... เทวดาถาม

อยากเจ้าค่ะ...คุณแม่รีบตอบในทันที ดี.. งั้นคืนพรุ่งนี้ตอนเธอไปหาลูก ฉันจะไปเจอเธอที่นั้น ลูกของเธอจะได้รับพรให้พูดได้เหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลย.. เทวดาตอบ... แล้วเทวดาก็หายตัวไป

คุณแม่ยังสาวก็นอนไม่หลับ ได้แต่คิดว่าจะพูดอะไรกับลูกดี ลูกจะพูดอะไรอยากได้อะไรอยากรู้อะไร.. โอ๊ย... ตื่นเต้นๆ..

เธอเดินไปหาลูก มองลูกชาย 6 เดือนด้วยความรักอย่างที่สุด .. พรุ่งนี้นะลูก เราจะได้คุยกัน.. แม่รักลูกนะ..

วันทั้งวัน คุณแม่ก็เตรียมสิ่งที่จะพูดและเตรียมคำตอบที่คิดว่าลูดจะอยากรู้ในแต่ละช่วงวัย วิธีจีบสาว วิธีดูสาวที่รักเราจริง การเตรียมตัวเพื่อให้ได้งานในฝัน.. และอื่นๆอีกมากมายที่พอจะคิดได้และเตรียมได้

พอตกกลางคืน ... คุณแม่ก็เดือนไปในห้องลูก แล้วเทวดสก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่นัดแนะไว้... เทวดาอธิบายกฏกติการ.. เอาหละ ฉันจะเสกให้ลูกเธอพูดได้เหมือนผู้ใหญ่หละนะ.. เธอมีเวลาไม่จำกัด แต่เธอจะพูดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากตอบคำถามที่ลูกชายถามเท่านั้น และเขามีโอกาสถามได้เพียง 3 คำถาม.. เข้าใจกติกามั้ย.. เทวดาถาม คุณแม่ก็ได้แต่พยักหน้า...

แล้วเทวดาก็หายตัวไป... เธอรออึดใจยังไม่เห็นลูกชายทำอะไร.. นึกสงสัย..งว่าจะโดนเทวดาต้มซะหละมั้ง... แต่ทันใดนั้นเอง ลูกชายวัย 6 เดือนก็ลุกขึ้นยืนและพูดเป็นภาษาคนเหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลย..

แม่ฮับ...สวัสดีฮับ.. ผมรักแม่มากฮับ... ลูกชายเริ่มเิดฉากการสนทนา

นี่มันเป็นอะไรที่สุดวิเศษณ์เลยฮับที่ได้คุยกับแม่ตอนนี้... มีเรืองที่ผมอยากรู้มากมายเหลือเกิน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น แต่ผมมีโอกาสถามได้ 3 ข้อ... ลูกชายเงียบคิดอยู่นาน.... โอเค ผมรู้แล้วว่าจะถามอะไร.. คำถามแรกนี้สำคัญมากเลยฮับ... แม่ฮับ...

คุณแม่แทบจะหยุดหายใจรอคำถามจากลกชายตัวน้อย.... แม่ฮับ ทำไมท้องฟ้าจึงมีสีฟ้าฮับ

แป่วววววว... คุณแม่จุกเล็กน้อยกับคำถามสุดสำคัญ .. คิดในใจ.. อะไรนี่ โอกาสสำคัญแบบนี้ไม่ใช่จะได้มาบ่อยๆทำไมถามคำถามไร้สาระขนาดนี้ นี่ไม่เห็นเกี่ยวกับชีวิตตรงไหนเลย

แต่ด้วยความรักที่ยังมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น เธอจึงอธิบายเรื่องแสงอาทิตย์ เรื่องน้ำทะเล เรืองการหักเหของแสง.. brabrabra อ๋อฮับแม่ เข้าใจแล้วฮับ

คำถามต่อไปฮับแม่... เออ... นี้ก็สำคัญนะ.. ผมขอถามว่า ทำไมบางทีมันร้อนบางทีก็หนาวหละฮับแม่

คุณแม่เหมือนโดนน๊อคลงไปนับเป็นครั้งที่ 2 คิดในใจ... นี่อะไรกัน ถามอะไรโง่ๆ แต่เธรู้ว่าเวลาอันมีค่าเช่นนี้ไม่ใช่เวลาตีโพยตีพาย คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องสำคัญสำหรับลูกเธอมาก...ด้วยความรักและเคารพเวลาศักดิ์สิทธฺ์เช่นนี้ เธอจึงค่อยๆตอบถึงเรื่องโลกเอียง โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี และอื่นๆเท่าที่เธอจะตอบได้..

นี่เป็นคำถามสุดท้ายแล้วฮับแม่... ผมขอคิดนานๆหน่อยนะฮับ... เออ... แม่ฮับ ผมรักแม่ แต่ผมจะรู้ได้งัยว่าแม่เป็นแม่จริงๆของผมฮับ...

หมัดตรงเข้าลิ้นปี่เต็มๆ คุณแม่แทบลงไปกองกับพื้น นี่มันคำถามแบบไหนกัน เทวดาเล่นกลแกล้งเรารึงัย... ถามมาได้งัย .. ใครกันดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลไม่เคยห่างตั้งแต่บูกเกิดมา นี่มันช่างเป็นช่วงเวลาอันน่าผิดหวัง เธอไม่อยากตอบเลย .. ถ้าเจอเทวดสตนนั้นอีก ฉันจะจับโดยเข้าเครืองปั่นให้ปีกกระจุยเชียว

เธอเริ่มน้ำตาซึมๆ... เอื้อมมือมาบีบมือลูกชายเบาๆ... ลูกจ๋า.. ดูนิ้วนี้นะ..นิ้วแม่มันเหมือนนิ้วลูกเลยใช่มั้ย.. ลูกจ๋า..ดูมือเท้าหน้าผมของแม่นี้เหมือนของลูกเลยใช่มั้ย รอยยิ้มเราก็เหมือนกัน หน้าเรายามร้องให้ก็เหมือนกัน .. ลูกจ๋า..แม่เป็นแม่ของลูกจริงๆ

ดูเหมือนคำตอบนั้นเป็นที่พอใจและลูกชายก็อุ่นใจที่รู้ว่านี่คือแม่จริงๆ... เขากอดแม่ไว้แน่นแล้วบอกกับเธอว่า.. แม่ฮับ ผมรักแม่... เพียงแค่นั้นแล้วลูกชายก็ล้มตัวลงนอน หลับไปอย่างรวดเร็ว

คุณแม่ค่อยๆปาดน้ำตา.. คำสุดท้ายคำนั้นและอ้อมกอดที่ลูกชายมอบให้สื่อแทนความรักที่ไร้ความเคลือบแคลงใดๆ .... แต่......แต๋......

แต่...มันแค่นี้เองเหรอ... นี่มันควรจะเป็นการพูดคุยที่สุดวิเศษณ์นี่น่า ฉันยังไม่ได้คุยกับลูกชายเป็นเรื่องเป็นราว ที่เตรียมมาทั้งหมดไม่ได้ใช้เลย เขาควรจะได้รับข้อมูลสำคัญเหล่านี้นะ มันจะสำคัญกับเขามากเลยเมื่อเขาโตขึ้น......เทวดา.. ท่านเทวดาออกมาหน่อย ออกมา

แล้วเทวดาก็ปรากฏตัวขึ้น...คุณแม่สวนก่อนเลย.. นี่มันอะไรกัน มันน่าผิดหวังมากเลยนะ

เทวดาก็ตอบอย่างใจดี.. ก็ข้าให้เวลาแล้ว แต่ข้าไม่ได้เป็นคนกำหนดคำถามนี่

ก็ไหนท่านว่าเขาจะพูดได้เหมือนผู้ใหญ่งัย... นี่เขาเอาแต่ถามอะไรที่มันไม่สำคัญเลย.. ถามดินฟ้าอากาศเนี่ยะนะ

เทวดาตอบอย่างใจเย็น.. ก็เราให้เขาพูดได้เหมือนผุ็ใหญ่คิดได้เหมือนผู้ใหญ่ แต่ประสบการณ์ของเขามีเพียง6 เดือน.. คิดดูนะ คำถามทั้งสามนั้นเป็นคำถามที่สำคัญจริงๆสำหรับเด็ก 6 เดือน แล้วที่สำคัญ ข้าว่าเจ้าตอบได้ดีเหมาะสมทุกข้อโดยเฉพาะข้อหลังสุดซึ่งเป็นคำถามที่สื่อถึงความกลัวของเขา...คำตอบของเจ้าถูกเจ้าตอบเขาด้วยความรัก และคำตอบนั้นก็เต็มเปี่ยมด้วยความรักเช่นกัน ... ลูกชองเจ้าทำดีที่สุดแล้ว ถามทุกอย่างจากใจ ไม่มีมารยาใดๆ เจ้าจะขออะไรมากไปกว่านี้ได้อีกเหรอ..

คุณแม่นั่งลงทบทวนคำถามของลูกชาย และคำอธิบายของเทวดา.. เธอเข้าใจแล้ว.. คำถามทั้งสามนั้นเป็นสุดยอดสำคัญสำหรับลูกชายตัวน้อย เขาจะรู้ได้งัยว่าต้องถามอะไรที่เธออยากตอบ ก็เขาไม่มีประสบการณ์ไม่มีวุฒิภาวะเช่นเดียวกับเธอนี่นา ถึงจะถามคำถามเหล่านั้นได้... แล้วสมมุตว่าลูกชายมีประสบการณ์มีวุฒิภาวะเทียบได้กับเธอ เขาก็คงไม่ต้องถามคำถามเหล่านั้นแล้วหละ

....

เธอเดินกลับมาที่ห้องของลูกชาย...มองดูเขาหลับอย่างนุ่มนวลอยู่เนิ่นนาน... ลูกจ๋า.. ลูกทำดีที่สุดแล้วจ้ะ แม่ดีใจที่เราได้คุยกันวันนี้..... เธอก้มลงจุ๊บหน้าผากลูกชายแผ่วๆราวกับถนอมแก้วเจียระนัย เธอจะไม่ลืมประสบการณ์และบทเรียนในวันนี้เลย...

Wednesday 8 February 2012

เจสัน และถ้ำเนรมิต [นิทานต่างมิติ]


เจสัน และถ้ำเนรมิต

[จาก Kryon Parable]
[ผู้แปล Kind Particle]

หมายเหตุผู้เขียน: นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับเกมที่เล่นกันระหว่างเจสันและผู้พิทักษ์ถ้ำเนรมิต มันเป็นการทดสอบการควบคุมตนเองของเจสัน ที่แฝงมาในรูปแบบความท้าทายง่ายๆ คุณพอจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนิทานและชีวิตจริงของเราได้หรือไม่ เจสันเห็นภาพ ที่จริงมันเป็นภาพฝัน แต่ในกรณีของเจสันมันไม่แตกต่างกัน เจสันเป็นผู้รู้(enlightened)คนหนึ่งที่มักจะเห็นภาพในฝัน แต่ครั้งนี้ภาพนั้นชัดเจนสดใสเป็นพิเศษ

เจสันพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าถ้ำใหย่แห่งหนึ่ง และเขาก็ทราบทันทีว่าถ้ำนั้นคือถ้ำอะไร นี่คือถ้ำเนรมิต (cave of creation) ซึ่งเป็นที่เก็บบันทึกฟ้าดิน (Akashic Records) ที่บันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เริ่มมาจุติในโลกจนตายออกไปจากโลกนี้ไป โอ้..ฉันจำสถานที่แห่งนี้ได้! เจสันบอกกับตัวเอง ที่ยืนอยู่นั่นคือผู้พิทักษ์ปากถ่ำ ดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจนักที่เจสันจู่ๆก็มายืนอยู่ที่ทางเข้า ความจริงผู้พิทักษ์กำลังรองเขาอยู่ต่างหาก! แล้วผู้พิทักษ์ก็พูดขึ้นว่า "เจสัน..ดีจังที่เห็นคุณที่นี่ เรามีเกมส์สำหรับคุณ มันเป็นการทดสอบ เป็นเกมส์สำหรับจิตวิญญาณของคุณ. " ผู้พิทักษ์ถ้ำยิ้มให้ เจสันรู้เลยว่าเรื่องสนุกๆกำลังจะเกิดขึ้น "ยอดเยี่ยม" เจสันตอบ "ดีๆ..ผมชอบเล่นเกมส์"

"ลองดูที่ทางเดินนะ" ผู้พิทักษ์กล่าวในขณะที่เขาขยับประตูถ้ำให้เปิดออกอย่างง่ายดาย เจสันเห็นว่ามีทางเดินตรงๆและแคบทอดยาวไปตลอดถ้ำ เขามองเห็นปลายถ้ำที้มีแสงส่องเ้ข้ามา นั่นคือทางออก ดูเหมือนการเดินลอดถ้ำไปไม่น่าจะมีอะไรยาก "แล้วเราจะเล่นเกมส์อะไรกันครับ" เจสันถามผู้พิทักษ์ "เราอยากให้คุณเดินผ่านถ้ำไปยังทางออกอีกฝั่งหนึ่ง คุณมีเวลาหนึ่งชั่วโมงตามเวลาโลกที่จะเดินไปให้ถึง" ผู้พิทักษ์กล่าว "ไม่มีปัญหา" เจสันตอบ "แล้วผมจะได้อะไรถ้าผมทำความสำเร็จหละ"

"นี่มันไม่ใช่เรื่องของรางวัล มันเป็นเพียงการเล่นเกมส์ มันเป็นเกียรติอย่างมากถ้าคุณจะเข้าร่วมเล่นเกมส์นี้ การเดินไปตามเส้นทางนี้เป็นการทดสอบและไปให้ถึงทางออกเป็นเป้าหมาย คุณทำได้หรือเปล่า" "แน่นอม..ผมทำได้" วิญญาณนักกีฬาของเจสันตอบด้วยความมั่นใจ ดังนั้นผู้พิทักษ์จึงถอยออกมา เพื่อให้เจสันเริ่มการเดินทางของเขา แล้วเจสันก็เดินเข้าไปในถ้ำ อีกครั้งที่เขามองไปข้างหน้าและเห็นว่าทางออกอยู่ไม่ไกล เดินตรงไปแค่ 1ใน 4 ไมล์เท่านั้น ด้วยคิดว่ามีเวลาเหลือเฟือ..เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้สายตาปรับตัวให้คุ้นเคยกับแสงในถ้ำ เขาเดินไปข้างหน้าและรู้สึกสนใจกับสีสรรอันหลากหลายที่เขาได้เห็น และในเวลาไม่นานนัก เขาก็เริ่มได้ยินเสียง เขาได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งทางซ้ายและทางขวา เจสันคิดกับตัวเองว่า..ฉันมีทั้งชั่วโมง เดินแค่ 15 นาทีก็ถึงทางออกแล้ว เขาจึงหยุดเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ได้ยิน

เจสันหยุดและหันไปทางขวา ทันใดนั้นเขาก็เห็นชั้นที่เต็มไปด้วยผลึกเรืองแสง เขาออกจากทางเดินอย่างระมัดระวัง และเดินตรงไปยังชั้นวางผลึกนั้น บนผลึกที่มีรูปทรงเหมือนคทานั้นมีตัวอักขระพิเศษจารึกไว้ เพียบเจสันเอื้อมไปแตะผลึกอันหนึ่งโดยยังไม่ได้ยกขึ้นมา ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่อักขระยึกยือนั้นสื่อถึง เจสันได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่เขาไม่เคยรู้มามันมีอยู่ เขาเห็นสงคราม เขาเห็นมหาเพลิง เขาเห็นแสงสว่างต่อสู้กับความมืด เขาเห็นชื่อของรูปธรรมมากมายหลากหลาย มันช่างเป็นสุดยอดประสบการณ์ ราวกับว่าเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ เจสันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเห็น แต่เขารู้สึกอัศจรรย์ใจกับเรื่องราว และพบว่ามันยากที่จะปล่อยมือออกจากผลึกคริสตัล มันยากจะขัดขืนจริงๆ ตั้งสติกลับเข้ามาที่เกมส์ และระยะเวลาที่จำกัด เจสันวางผลึกคริสตัลลง แต่ยังมีอารมณ์เคล้าเคลียไปกับสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น

หลังจากกลับมาที่ทางเดิน เจสัยได้ตระหนักว่าประสบการณ์จากการสัมผัสผลึกคริสตัลนั้นใช้เวลาโลกไปไม่นานเลย แต่เวลาในประสบการณ์มันยาวนานกว่านั้นมาก ดังนั้นเขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เจสันเดินไปข้างหน้าตามเส้นทางอีกครั้ง แต่ในเวลาไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุด "นั่นเสียงอะไร?" เขากล่าวกับตัวเอง "รู้แล้วๆผมจำได้" มันเป็นเสียงของแม่ของเขาเอง เขาหันไปทางซ้ายและเห็นกลุ่มผลึกไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่มากนัก เขาเดินไปยังกลุ่มผลึกเหล่านั้น และจำแนกออกว่าผลึกคริสตัลชิ้นหนึ่งเป็นของแม่ของเขา แต่จารึกด้วยอักขระที่เขาไม่คุ้นเลย เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งพยายามฟังว่าเธอพูดอะไร แต่เขาไม่ได้ยิน มันนานเป็นปีแล้วตั้งแต่แม่เขาเสียไป แต่เธออยู่ตรงนี้แล้วงัย หรือว่ามันเป็นแค่ผลึกคริสตัลหรือไร

เจสันมีทางเลือก เขารู้ว่าเขาต้องการที่จะสัมผัสคริสตัลแม่ของเขา แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างบอกว่าไม่ควรทำเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก แต่เจสันก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่า "นี่เป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งแม่น่าจะอยากให้ฉันมีส่วนรับรู้เรื่องราวของเธอ ดังนั้นฉันจะไปสัมผัสมันหละ " ดังนั้นเจสันจึงสัมผัสผลึกคริสตัล ทันใดนั้นเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในความเป็นจริงหลายช่วงชีวิตของแม่ของเขา แล้วเรื่องราวที่บันทึกไว้ในบันทึกฟ้าดิน (Akashic Record) ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา เขาเห็นหลายชีวิตที่เธอมีและตลอดเวลาที่เธอใช้บนดาวโลกนี้และที่อื่นๆ และทั้งหมดนั้นรวมถึงชีวิตที่เขามีส่วนรวมด้วย แล้วเขาก็เห็นชีวิตปัจจุบันของเธอตอนนี้เธอเป็นเด็ก เป็นชีวิตที่เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย มันช่างติดตาตรึงใจ และเขาร้องไห้ด้วยความทรงจำและความสุขกับสิ่งที่แม่ทำให้กับเขา "โอ้..นี่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก! สุดยอดเกมจริงๆ " เขากล่าวออกมาดัง ๆ ในถ้ำ และด้วยความยากลำบาก..เขาฝืนใจเอามือออกจากผลึกคริสตัล แล้วก็พบว่าผลึกอันถัดไปเป็นของพ่อของเขาเอง เจสันสัมผัสผลึกนั้นเช่นกัน แล้วเขาก็ได้ประสบการณ์ที่คล้ายกัน และกล่าวอีกครั้งว่า "นี่..ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก! เป็นการเรีนยรู้ที่สุดยอดจริงๆ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด"

เวลาตอนนี้กำลังจะหมดลง เจสันรู้ว่าเขาต้องเดินต่อแล้ว ไม่งั้นจะไม่ทันเวลา ดังนั้นเจสันจึงเดินมุ่งหน้าไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว แต่แค่ไม่กี่ฟุตก่อนจะถึงทางออก เขาได้ยินอีกเสียงหนึ่ง ครั้งนี้เขารู้ว่ามันเป็นเสียงของเขาเอง!

เจสันหันไปทางขวา ผลึกเรืองแสงอีกอันวางอยู่ตรงน้้น คราวนี้เขาอ่านอักขระบบผลึกนั้นออก มันเป็นชื่อสากลจักวาร(astral name)ของเขาที่เขียนด้วยอักษรที่คล้ายอาหรับ(Arabic) เจสันมองไปที่ทางออกจากถ้ำที่ห่างไปไม่กี่ฟุต รู้ชัดว่าเหลือเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เขามองไปที่ผลึกคริสตัลของเขาแล้งตัดสิน เขาไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไปได้ เขาหันไปทางขวาและสัมผัสผลึกคริสตัลที่มีชื่อของเขาจารึกอยู่ คงไม่ต้องบอกว่า..เจสันออกจากถ้ำไม่ทันตามกำหนดเพื่อจะให้เกมส์จบอย่างสมบูรณ์ เขาอยู่ที่นั่น เฮฮาสำเริงสำราญกับชีวิตในอดีตของเขา ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเขาเคยเป็นใครและควรจะเป็นใคร ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในภาพรวมว่าแม่และพ่อของเขาเคยเป็นใครในอดีตของเขา และเขาเองเป็นใครในอดีตของแม่และพ่อเช่นกัน จากนั้น...เจสันก็ตื่นขึ้น

เจสันคิดว่านี่มันช่างเป็นความฝันที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! แล้วเขาก็จำเรื่องราวได้ทั้งหมด "แต่ฉันเสียใจที่ฉันไม่ชนะเกมส์" เขาคร่ำครวญ จากนั้นเจสันก็กลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของความฝันนั้น และไม่รู้สึกว่าผู้พิทักษ์ถ้ำจะตำหนิอย่างใด บางครั้งเขาก็คิดว่าถ้าฉันได้เล่นเกมส์นั้นอีกครั้งผลจะไม่เหมือนเดิม..ฉันต้องชนะแนะๆ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันพลาดตรงไหน

เจสันไม่รู้หรอกว่า..เขายังคงอยู่ในเกมส์นั่นเอง

Friday 3 February 2012

"วู" และห้องแห่งบทเรียน [นิทานต่างมิติ]


"วู" และห้องแห่งบทเรียน

นิทานอุปมาจาก Kryon

แหล่งที่มาของ http://www.kryon.com/k_14.html#Chap1
แปลโดย Kind Particle

หมายเหตุผู้เขียน (Lee Carroll) :
ผมบอกคุณแล้วว่าผมอยากจะแบ่งปันรายการโปรดของผมกับคุณและนี่คือหนึ่งในพวกนั้น ถึงแม้ว่าคำนิทานอุปมานี้เป็นหนึ่งในนิทานเรื่องแรกๆที่เล่าโดย Kryon ก็เรื่องนี้ยังคงแบบว่าใช่เลยกับชีวิตประจำวันของเรา  Kryon ผลักดันเราโดยการให้เครื่องมือเรามายกระดับการสั่นสะเทือนของเราเองบนโลกใบนี้ั เพื่อทำทำอย่างให้เป็นจริงขณะที่เราอยู่ที่นี่ นืทานอุปมานี้มีซ่อนเนื้อหาอยู่ภายในที่ช่วยให้เราเห็นจริงความเป็นไปได้ที่อยู่ต่อหน้าเรา มันยังสะกิดหัวใจของเราและเรียกร้องให้เรา "จำได้" ว่าที่เจริงๆแล้วเราเป็นใคร

Wednesday 1 February 2012

ผีเสื้อขยับปีกก็อาจสะเทือนถึงดวงดาว

เราเองก็เชื่อว่าการกระทำของคนธรรมดา คนเล็กคนน้อย ก็สามารถกระเทือนถึงสังคมใหญ่ได้ หากเพียงแต่มิใช่การกระทำอย่างกระหายผลลัพธ์ แต่เป็นการกระทำเพื่อการขัดเกลา และฝึกฝนทำความเข้าใจตนเองต่างหาก

สุวัฒนา, ขวัญแผ่นดิน