Pages

Saturday 17 March 2012

การแสดงออกของพลังงานกับความสัมพันธ์ สังเกตการณ์ผ่านภาพที่บันทึกด้วยกล้องเกอร์เลี่ยน


การแสดงออกของพลังงานกับความสัมพันธ์ สังเกตการณ์ผ่านภาพที่บันทึกด้วยกล้องเกอร์เลี่ยน

มีเรื่องสนุกๆ เบามาเล่าสู่กันฟังครับ.. Doc นี้เริ่มมากจากการรวมโพสต์ของ อ.แม่ไก่ @Kornkarn Bhamarapravati ที่นำภาพสวยๆ จากการถ่ายรูปพลังงานด้วยกล้อง Kirlian ซึ่งหลายๆ คนคงเคยเห็นภาพ แสงสีต่างๆ รอบตัวที่เรียกกันว่า Aura ที่จะเปลี่ยนรูปร่างและสีไปตามระดับจิตและสุขภาพของนาย/นางแบบ


ครั้งนี้ไม่ได้เอาภาพ Aura ที่คุ้นเคยมาให้ดูแต่เป็นภาพถ่ายพลังงานจากแค่นิ้วโป้งมาให้ดู ไม่รู้ว่าเรียกว่า Aura นิ้วได้หรือเปล่า การเชื่อมโยงและการแปลความภาพชุดแรกจะมุ่งไปที่ความสัมพันธ์ของบุคคล
โดยภาพทั้งหมดได้มาจาก  http://randyhiatt.tripod.com/Kirlianpage.html ให้ไว้เผื่อผู้อ่านต้องการตรวจสอบแหล่งที่มา


เริ่มจากการปูพื้นให้เห็นว่า ภาพถ่ายจากนิ้วด้วยกล้อง Kirlian จะเปลี่ยนไปตามความคิด ภาพซ้ายเป็นแสงจากหัวแม่มือคนสามคน ภาพขวาเป็นแสงจากคนสามคนเดิม ที่ถูกขอให้คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เป็นบวก สิ่งที่เราสังเกตเห็นได้ คือ ภาพด้านขวาเห็นความเข้มของแสงและความสมบูรณ์ โดยดูได้จากขอบที่เรียบและได้ทรงกลมที่เต็มกว่า




---------------------------------------- 

ดูภาพเดี่ยวแล้ว(เข้าเรื่อง)มาดูภาพคู่กันบ้าง

ภาพแรกเป็นภาพถ่ายนิ้วคู่สมรส ซึ่งถูกขอให้คิดเรื่องไม่ดีของอีกฝ่าย สังเกตสีและลายเส้น และโดยเฉพาะระหว่างหัวแม่มือดูเหมือนมีแถบพลังงานขีดคั่นไว้เลย ความคิดเรื่องไม่ดีน่าจะส่งผลต่อความคิดไม่ยอมรับกัน คือ เกิดอาการตั้งป้อมตั้งการ์ดขึ้นมาด้วย


---------------------------------------- 

(หลังจากยุให้สามีภรรยาเขาเกลียดกันแล้ว) ครั้งนี้คู่สมรสถูกขอให้คิดเรื่องดีๆ loving thought ดูสีสดใสและแสงชายขอบส่องสว่าง ที่สำคัญ คือ ไม่มีพรมแดนระหว่างหัวแม่มือ

สรุปคร่าวๆ ว่าถ้าสามีภรรยาคู่ไหนอยากมีรูปพลังนิ้วโป้งสวยๆ แบบนี้ก็ต้องหมั่นสร้างและสะสมความคิดดีๆ ต่อกัน เช่น ความรัก ความปรารถนาดี ความสำนึกขอบคุณ รู้คุณ (Appreciation) ความกตัญญูกตเวที การให้อภัยแบบไม่มีอะไรติดค้างคาในใจ และความรักที่ปราศจากเงื่อนไข




---------------------------------------- 
รูปชุดสุดท้าย (แอบออกแนวติด rate เล็กๆ ยังไม่ถึงกับต้องเบลอเพราะกระทำไปเพื่อการศึกษาโดยบริสุทธิ์ใจ) เป็นภาพถ่ายปลายนิ้วมือคู่สมรสมองตากันแล้วจุมพิตกัน พลังงานที่กล้องจับได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยก



---------------------------------------- 

ก่อนจบแถมเล็กน้อยอีกหนึ่งภาพ ภาพนี้เป็นภาพถ่ายเกอร์เลียนของใบไม้ ผักผลไม้ก็มีพลังงานชีวิต รูปขวาคือภาพเกอร์เลียนของใบไม้ที่ส่งความปรารถนาดีไปให้ ยี่สิบนาทีหลังปลิดใบ ปรกติแสงจะจางลง นี่คือผลของการส่งความรู้สึกดีๆ หรือการแผ่เมตตาก็น่าจะส่งผลคล้ายๆ กัน นี้อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ง่ายๆ ที่เราทำให้ได้กับคน(ใจ)อ่อนแอ หรือคนป่วย ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ส่งความรู้สึกกันด้วยคำพูดให้สัมผัสอันอบอุ่นของเรา เรามาส่งความรักให้กันเยอะๆ ดีมั้ย ไม่ต้องสนว่าเขาเป็นใคร เป็นอะไร จะเป็นจะอยู่หรือตาย รักหมดทุกสรรพสิ่งเลย คงไม่แปลกเกินไปนับจากนี้เมื่อคุณกินอาหาร... ส่งความรู้สึกดีๆ เช่นการขอบคุณให้เกียรติรู้คุณต่ออาหารที่คุณกินทุกคำ


สุดท้ายแล้วครับ...ในพลังงานใหม่ ในช่วงเวลาที่เรารู้จักเลือก และเลือกได้ นอกจากเลือกความคิด คำพูด และการกระทำได้แล้ว อาหารก็เป็นสิ่งที่เลือกได้เช่นกัน เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี คุณต้องเลือกอาหารที่มีพลังชีวิตดีๆ สูง ซึ่งพืชจะเป็นแหล่งอาหารที่มีพลังงานดีมากกว่าเนื้อสัตว์ พืชที่ปลูกด้วยระบบออร์แกนิกจะมีพลังงานดีสะสมมากกว่าพืชที่ปลูกขายทั่วไปด้วย...

....เพราะคุณเลือกได้ เลือกเลยครับ

Love Letter #3 - คุณก็รู้คำตอบ



กระซิบเบาๆกระซิบลอยลม...(เขียน Doc ไว้เป็นโพสต์นี้ก่อนเพราะต้องตอนนี้ มันรอไม่ได้) 

คนบางคนถามคำถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบ... โดยเฉพาะ(แต่ไม่จำกัด)คนในกลุ่มนี้..ดังนั้น ผมแนะนำว่าเมื่อถามแล้วรอฟังคำตอบของตัวเองเลยครับ.. 

I AM that i am.
I AM no separated from the others(which is illusion)..
I AM INFINITE LIGHT and I AM INFINITE LOVE... 
Dear ME my infinite intelligence ... Tell me now....

ปล1.. ถ้าไม่ได้คำตอบก็อย่าเข้าใจผิดเพราะนั่นคือคำตอบ คุณกำลังตอบตัวเองว่า.. คำตอบของคำถามนั้นยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ คุณจะรู้เองเมื่อเวลามาถึงปล2. กรุณาอย่าใช้มุข ปล1.นี้กับคำถามโลกๆหรือตอนเข้าไปสอบในโรงเรียน และอย่าเอาผมไปอ้างกับคุณครูเชียว

Wednesday 14 March 2012

Love Letter #2 - กฏแห่งกระจกเงา



การคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเรานั้นเป็นปัญหาของทุกคนครับ... ผมเองก็เป็นคนนึงที่เข้ามุมมืดวันละหลายครั้งเมื่อคุยกับหลายๆคนรอบข้าง..โดยเฉพาะคุณลูกชายสุดหล่อ..

ในทางกลับกัน..การคิดว่าเราเข้าใจผู้อื่นดีแล้วก็เป็นอีกปัญหาที่ทุกคนมีแต่มักไม่รู้ตัวและไม่ยอมรับ.. เราเข้าใจถูกตรงหรือไม่ก็ไม่มีใครบอกได้.. เวลาผมสำรวจตัวเองตอนที่มีวาทะกรรมกับลูกก็พบประจำว่าเราเอาประสบการณ์และกรอบความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง สุดท้ายก็ถึงข้อสรุปว่า สิ่งที่เราคิดว่าเราเข้าใจ(เขา) ที่จริงเราเห็นเงาสะท้อนความคิดของตัวเอง....สำหรับปุถุชนคนเดินดินนั้น..​สิ่งที่เราเห็นและรับรู้ถึง ผู้คน-สิ่งของ-เรื่องราว ต่างๆรอบตัวล้วนเป็นเงาความคิดตัวเอง..แน่แท้จนอยากจะเรียกว่าเป็นกฏแห่งกระจกเงากันเลย

ผมอยากให้มองฉากการตูนขำๆ..มีชายหญิงยืนหันหน้าทะเลาะกันโดยมีกระจกเงากั้นระหว่างสองคนนั้น... ทั้งชายและหญิงคู่นั้นอาจไม่รู้ว่าทะเลาะด่าว่าความเป็นตัวเขาเองอยู่ แต่คนนอกมองเห็นภาพรวมทั้งชายทั้งหญืงทั้งกระจกเงา...คุณว่าน่าสงสารมั้ย...

ความเข้าใจซึ่งกันและกันจึงเป็นความคาดหวังที่สูงเกินกำลังมนุษย์เดินดิน... นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกล้มที่จะเข้าใจกันและกัน แต่ต้องเข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบหรือความพิการของตัวเราเองก่อน จากนั้นดูซิว่าเรายอมรับตัวเองได้หรือไม่ในความไม่สมบูรณ์แบบนี้ เมื่อเรายอมรับความพิการของเราได้แล้ว เราก็จะยอมรับคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะ
1.ยอมรับความพิการได้ว่าไม่น่ารังเกียจ เพราะเรายอมตัวเองง่ายกว่ายอมคนอื่น
2.ยอมรับเพราะเราพิการเหมือนกัน  เพราะความเหมือนจะทำให้เป็นพวกเดียวกัน เป็นจุดร่วมที่ต่อยอดเป็นความรักสามัคคี
3.ยอมรับความพิการของเขาที่เราเห็นก็คือตัวเราเอง  เป็นไปตามกฏแห่งกระจกเงา
เมื่อยอมรับตนเองได้ก็ยอมรับผู้อื่นได้แล้ว จากการ ยอมรับตนเอง ก็ขยับเป็นความเข้าใจตนเอง เป็นความรักตนเอง เป็นการให้อภัยตนเอง และเป็นการให้โอกาสตนเอง...  ทั้งหมดนี้ต้องให้กับตัวเองก่อนเสมอ... เมื่อให้ตัวเองได้อย่างนี้แล้วจึงสะท้อนออกไปให้ผู้อื่น คือ ยอมรับเขาและเข้าใจเขา(ในความพิการที่เหมือนเรา)  รัก ให้อภัย และให้โอกาส ได้โดยไม่รู้สึกเสียเปรียบหรือโดยเอาเปรียบ ซึงเป็นความจริงในมุมมองของเรา.. 

วันนี้ผมเขียนถึงความไม่สมบูรณ์แบบหรือความพิการในความหมาบติดลบพอควร... เลยขอปรับพลังงานเล็กน้อยในความเข้าใจเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์นี่ว่าไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่เป็นกลยุทธ์ของใครไม่ทราบที่สร้างสิ่งนี้ไว้ให้เป็นเหตุของความเข้าใจกันและกัน(ในความพิการที่เหมือนกัน).. .. คือในทางตรงช้าม..ถ้าใช้กลยุทธ์มอบความสมบูรณ์แบบให้เหมือนกันทุกคน เราจะหาโอกาสในความเห็นอกเห็นใจกัน(compassionate)ได้จากที่ไหน .. จริงมั้ยครับ..



รักตัวเองได้ก็จะรักคนอื่นได้เช่นกันครับ...ขอให้สนุกกับการทดลองส่องเงาตัวเองในผู้คนรอบๆตัวครับ... 


KindParticle@AscensionThailand




Monday 12 March 2012

Love Letter #1 - อย่าทุกข์เลย


ความทุกข์(ใจ)ปลอมตัวมาได้หลายลักษณ์ ในความรับรู้ทางอุณหภูมิบางทีก็ ร้อนบ้าง หนาวบ้าง เย็นชืดบ้าง รับรู้ทางแรงกระทำก็ ผลักบ้าง ดึงดูดบ้าง กดดัน(ในสู่นอก/นอกสู่ใน)บ้าง บิดบ้างฉีกบ้างก็มี ยิ่งเราวิวัฒน์ไปเรื่อยๆ การจัดแยกแยะจะยากมากขึ้นตาม

คำถามมีอยู่ว่ามันมีประโยชน์หรือไม่ที่จะต้องแยกแยะให้ได้ คำตอบคือไม่ แต่... ถ้าแยกได้ ก็จะจำได้ ก็จะรู้ตัวง่ายขึ้น การรู้ตัว(ว่าทุกข์)นี่หละคือ bottom line จะรู้ชัดหรือไม่ชัดก็ขอแค่ให้รู้ว่าทุกข์ก่อนเป็นต้นทางที่ถูกตรงแล้ว การตั้งต้นให้ถูกนั้นเองก็ไม่ได้มีจุดหมายเพื่อให้เดินออกจากทุกข์ได้ (ทำไมหละ!!! วันหลังค่อยว่ากัน)

ร่ายซะยาวนี่ไม่ใช่ว่าจะสอนธรรมมะท่านๆหรอก...เพียงแต่เป็นห่วงเพื่อนหอไฟและเพื่อนประภาคารที่กำลังอับเกรดเฟิร์มแวร์กันอย่างขมักเขม้น บางทีก็อัปผิดบ้าง บางที่อัปเกรดนานก็เป็นทุกข์เป็นร้อน อัปไปแล้วก็ว่าช้าบ้างหาของหาปุ่มไม่เจอใช้ไม่เป็น จึงต้องออกมาเตือนกัน ให้กำลังใจกันเป็นระยะไม่ให้ลืมกัน

ก่อนคุณเดินคุณต้องรู้ว่าเส้นทางนี้คนเดินยังน้อย มันขรุขระ พวกรับเร็ว (Early adoptor) อย่างเราท่านนั้น บางคนมีหน้าที่มากรุยทางติดป้ายทำแผนที่และคู่มือ บางคนมาเอาความมันส์แบบขับรถออฟโร้ด อดินาลินพลุ่งพล่านแล้วรู้สึกมีชีวิต ไม่ว่าจะมาทำมัย ขอจงได้รับความรักและความเคารพจากผม นายแน่มาก...

อาการเมารถเมาเรือถ้ามี.."ให้เห็นว่ามี" (ก็ถนนมันขรุขระอยู่).. บางคนเหงา..บ้างหงุดหงิด..บ้างก็มีอาการทางกายร่วมด้วย อย่ากลัวครับ.. อย่างมากก็แค่ตายไม่น่ากลัวนะ ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าให้ทนไปนะขอรับ งัยก็ต้องดูแลจัดการไปตามสมควร..

อาการทางกายปวดหัวเป็นหวัดก็ต้องไปหาหมอกินยาเพื่อส่งสัญญาณบอกร่างกายว่าเราจะดูแลกันไม่ต้องห่วง...แต่ให้พึ่งยาพึ่งเทคโนโลยี่ให้น้อยลง ดูแลตัวเองมากขึ้นโดยการดีท๊อกซ์กาย-ความคิด-พลังงาน กินให้ครบ พักให้พอ อาการที่เหลือก็ให้ถอยออกมาดู จ๊ะเอ๋แล้วบ๊ายบาย ด้วยความรักและขอบคุณ

สัมมาทิฏฐิเป็นเครื่องมือสำคัญมาก เหรียญมีสองด้าน น้ำครึ่งแก้วก็มีสองครึ่ง .. ยกตัวอย่างความเหงา "loneliness could be delivertive of detaching which is FREEDOM in disguised... ความเหงาอาจเป็นผลพลวงจากการแยกตัวซึ่งที่จริงแล้วเป็นอิสรภาพปลอมตัวมา" แต่ต้องเข้าใจให้ถูกด้วยว่าการแยกตัวที่ถูกคือการลดการให้น้ำหนักกับความคิดติดป้ายของคนในสังคม ไม่ใช่การแยกตัวออกจากสังคมและเพื่อนๆ..

อย่าลืมครับ.. นึกอะไรไม่ออกบอก "สัมมาทิฏฐิ" ก่อน

สวัสดี

KindParticle@AscensionThailand

Wednesday 7 March 2012

หายใจไปด้วยกัน


หายใจไปด้วยกัน


คุณทราบหรือไม่ว่าคนเราเกิดมาหายใจเฮือกแรกคือหายใจออก... และเฮีอกสุดท้ายก็จบที่หายใจออกเช่นกัน...

ใครได้อ่านข้อความนี้อยู่...หายใจไปด้วยกันนะครับ...

หายใจออก...ความเครียดที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก จากหัวจรดเท้า คลายออกให้หมด ปล่อยหมด วางหมด...ของเสียและส่วนเกินขอคืนให้ธรรมชาติ ไม่เอาก็ได้นะกายนี้ แต่ขอบคุณเธอเหลือเกินที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด

หายใจเข้า... ดื่มพลังงานแห่งชีวิต อุดมด้วยรักอันอ่อนโยนและไร้เงื่อนไข ไหลผ่านทุกส่วนของร่างกายจากแกนในสู่เส้นประสาทเนื้อเยื้อกล้ามเนื้อผิวหนัง เพื่อนรัก...เราจะดูแลกันและกัน

หายใจออก...ม่านหมอกความคิด ความร้อนรุ่ม การตัดสินติดป้ายทั้งปวง คลายออกหลุดออกไปพร้อมลมหายใจออก ธาตุความคิด...เหนื่อแล้วเธอพักได้ ขอบคุณเธอเหลือเกินที่เป็นผู้นำมาตลอด

หายใจเข้า... เติมพลังงานแห่งชีวิต อุดมด้วยรักอันอ่อนโยนและไร้เงื่อนไข ยังความกระจ่างชัดของการรับรู้ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายและใจ ณ ปัจจุบันขณะ เพื่อนรัก...ต่อไปนี้เราเดินไปพร้อมกัน

หายใจออก...(เพราะ)ลมหายใจออกนี้(อาจ)เป็นลมหายใจสุดท้าย...ฉันพร้อมและขอต้อนรับวาระนี้ด้วยความยินดียิ่ง..ขอแสงสุกสว่างด้วยรักและปัญญาจากทุกมิติเป็นกำลังและเป็นพยาน ลมหายใจสุดท้ายนี้แทนดอกกุหลาบบอกรัก ขอขมา และสำนึกในบุญคุณ ฉันขอโทษทุกจิตวิญญาณที่เคยล่วงเกินสร้างความขุ่นข้องเดือดร้อนทุกข์ใจ .. ขอบคุณที่เสียสละมอบบทเรียนแห่งรักแม้ว่ามันจะยากหรือเจ็บปวดเพียงใดสำหรับเธอ

.......ภาระไม่มี(จริง) พันธะก็ไม่มี(จริง) ฉันรู้แล้วว่าโซ่ตรวนเหล่านั้นเป็นภาพลวงตา ฉันเป็นอิสระแล้ว สู่ภาวะไร้ขีดจำกัดของเวลาและสถานที่ ได้กลับบ้าน(ที่ไม่เคยจากมา)ซะที

หายใจเข้า... ฉันคือแสงสว่าง ฉันคือความรัก ฉันคือปัญญา ... ส่องยิ้มให้เพื่อนประภาคารและสรรพสิ่ง และรู้ว่าเธอก็กำลังทำเช่นเดียวกัน ฉันรักและยกย่องคารวะเธออย่างที่เธอเป็นเธอ ด้วยอิสระจากพันธะลวงตาทั้งปวง..ฉันพร้อมรับประสบการณ์และบทเรียนแห่งรัก ฉันพร้อมแล้วที่จะสร้างความจริงของตัวเอง

.......ฉันคือแสงสว่าง ฉันคือความรัก ฉันคือปัญญา I AM THAT I AM



-อนุภาคใจดี

Saturday 11 February 2012

เจ้าหนูมาร์ล่า... จี๊ดๆ [นิทานต่างมิติ]


มาร์ล่าเป็นหนูน่ารัก เธออาศัยอยู่ในเมืองแห่งหนูกินดีอยู่ดีแสนจะมีความสุข แต่ มาร์ล่าฝันถึงเรื่องราวที่เธอไม่เข้าใจบ่อยๆ ในฝันนั้นเธอลอยขึ้นไปบนฟ้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างที่ยากจะอธิบาย ด้วยความที่เป็นหนูช่างสงสัย เธอจึงถามหนูพระเจ้าว่า "จี๊ด..จี๊ด.." (ผมรู้ว่าคุณฟังไม่ออก.. ใจเย็นครับ เดี๋ยวแปลให้)

"ท่านเจ้าขา..ความฝันเหล่านี้มันคืออะไรเจ้าค้ะ ดิฉันสนใจใคร่รูู้้มากเลย" มาร์ล่าถาม ทันใดนั้นเอง...หนูนางฟ้าที่มีปีกปุกปุยสองนางก็ปรากฏตััวขึ้นแล้วพูดว่า "มาร์ล่า เรามาพาเธอไปดูว่าความฝันของเธอคืออะไร.. เธออยากไปดูมั้ยจ้ะ มาซิมากับพวกเรา" ..

"ไปเจ้าค่ะ..ไปๆ" มาร์ล่าตอบ

"จี๊ดๆ.. ดีมากจ้ะ แต่ต้องเตือนเธอก่อนนะว่าการเดินทางนี้ เธอจะไม่ได้เธอเพื่อนๆเธอนานทีเดียว แล้วมันก็ไม่ง่ายนัก เพราะเราต้องปีนเขาไปอีกหลายลูกเลย" นางฟ้าอธิบาย

"ไม่เป็นไร.. รีบไปกันเลย ฉันอยากรู้จะแย่แล้ว.. จี๊ดๆ" มาร์ล่ารีบตอบอย่างตื่นเต้น

ดังนั้นนางฟ้าจึงเดินจูงมือมร์ลา เริ่มออกเดินทางออกจากเมืองแห่งหนู นางฟ้าพูดถูก มีหลายครั้ง้ลยที่มันเหงาและยากลำบากจนมาร์ล่าอยากจะล้มเลิกการเดินทาง จริงๆมันก็ง่ายที่จะยอมแพ้เอาหางจุก-ูดกลับบ้าน (ผู้แปล.. ขออภัยที่ต้องเซ็นบางๆ บางทีครายออนก็เล่านิทานด้วยสำนวนที่เห็นภาพจนเกินไปนิดส์) แต่มอร์ลาก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอเดินไปข้างหน้าทีละวันๆแม้ว่ามันจะยากลำบากเพียงใดก็ตาม

ระหว่างทางมาร์ล่าสังเกตุว่ามีหนูตัวอื่นๆที่มีฝันที่ยากจะอธิบาย แล้ว่ก็ถามพระเจ้าเหมือนที่เธอทำ หนูขี้สงสัยทั้งหมดนี้ก็ปีนขึ้นเขาต่อๆกันเป็นขบวนยาวเหยียด หนูบางคนก็เดินทางมาก่อนมาร์ล่าซะอีก หนูบางคนก็ล้มเลิกไปก็มีเพราะรู้สึกว่ามันยากลำบากเกินไป บางคนก็คิดถึงเพื่อนๆคิดถึงบ้านแล้วตัดสินใจกลับไป แต่ก็มีหนูไม่น้อยที่ไม่ยอมแพ้ ยังคงเดินตามนาฟ้าหนูเพื่อค้นหาความหมายแห่งฝันอันงดงามที่พวกเขาฝันถึง

ในที่สุดก็มาถึงยอดเงื้อมผาใหญ่ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ถูกเอาชนะโดยความปรารถณาอันแรงกล้าที่จะใขปริศนาแห่งความฝันอันวิจิตนั้นให้ได้

บนเงื้อมตระหง่านนั้น..หนูทั้งหมดยืนเรียงหน้ากระดาน สิ่งที่เขาเห็นคือมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ ผืนน้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน กลิ่นน้ำทะเลที่พัดโชยมากับลมทะเลมันช่างน่าหลงไหลและดึงดูดอย่างประหลาด มาร์ล่าและเพื่อนๆตื่นเต้นมากเพราะพวกเขารู้ว่าบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป

นางฟ้าหนูเริ่มพูด .. "จี๊ดๆ.. เรามีเรื่องที่จะเฉลย ที่จริงพวกเธอไม่ได้เป็นหนูหรอก จริงๆแล้วเธอเป็นปลา"

เรื่องนี้ทำให้มาร์ล่าอึ้งไปพักใหญ่ "แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันอยากเป็นปลาหรือเปล่านี่..จี๊ดๆ" ดังนั้นนางฟ้าจึงแสดงให้มาร์ล่าดูว่าเขากำลังพูดถึงปลาแบบไหน เราเป็นปลาตัวใหญ่ ใหญ่กว่าหนูซักร้อยเท่า ยิ่งใหญ่สูงส่งสง่างามเรืองแสงสีเงินยวงและมีประกายระยิบระยับ ทำเอามาร์ล่าตะลึงจนอ้าปากค้างอีกครั้ง เธอได้รู้แล้วว่าในความฝันนั้น เธอคือปลาที่ยิ่งใหญ่นี้ที่แหวกว่ายเล่นน้ำ ทะยานขึ้นไปบนฟ้าแล้วก็ดำดิ้งลงใต้พื้นน้ำด้วยพละกำลังจากกล้ามปลาอย่างอิสระ ไร้ซึ่งขีดจำกัดทั้งปวง แค่ขยับหางเบาๆก็ส่งตัวไปไกลหลายหลาแล้ว มันช่างเป็นอิสรเสรีที่เกินบรรยายแน่ๆที่ได้แหวกว่ายล่องลอยอยู่ในน้ำแบบนั้น มาร์ล่ารู้สึกแล้วว่านี่แหละคือที่ที่เธอจากมา ที่นี่คือบ้าน

ขณะที่พวกหนูทั้งหมดที่นั่นได้รับรู้และเข้าใจเรื่องราวไปพร้อมๆกัน ไกลออกไปในมหาสมุทรก็มีปลามากมาย เชิดหัวขึ้นโบกครีบไปมาเรียกพวกเขาใหญ่เลย .."เฮ้.. ทางนี้ๆ จำฉันได้เปล่า เราเคยเป็นเพื่อนหนูกันนะ"

มาร์ล่าจำปลาบางคนได้ "จำได้ซิ.. ฉันเคยสงสัยเหมือนกันว่าพวกเธอจู่ก็หายไปไหน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว"

หลังจากปล่อยให้ตำลึงไปยกแรก...นางฟ้าหนูเฉลยต่อ "นี่ไม่ใช่เพียงแค่ไขความหมายแห่งความฝันของพวกเธอเท่าน้นหรอก เธอได้รับรางวัลจากการเดินทางมาที่นี่อีกด้วย  เพียงแต่บอกว่าเธอต้องการ.. ถ้าเธอเลือก เธอจะได้กลับไปเป็นปลาผู้สง่างามนั้นเดี๋ยวนี้ เธอจะได้กลับไปอยู่ในหมู่เพื่อน ไปมีชิวิตที่ยืนยาว เธอได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้"

มาร์ล่ามองเพื่อนหนูสามตัวกระโดดลงไปในมหาสมุทรทันที มันมหัศจรรย์มาก ราวกับว่าพวกเขาถอดชุดหนู แล้วก็กระโดดลงน้ำไป มาร์ล่าคิดแล้วถามนางฟ้าของเธอถึงคนอื่นๆที่ยังอยู่ในเมืองว่าพวกเขาจะมาที่นี่หรือเปล่า

"ไม่หรอก นี่ไม่ใช่สำหรับหนูทุกตัว พวกเขาต้องขอเหมือนที่เธอขอ ถามเหมือนที่เธอถาม และต้องตระหนักรู้ถึงการค้นหาภายใน" นางฟ้าคนนึงตอบ

"แล้วพวกเขาจะรู้ได้งัยว่านั่นคือสิ่งที่ต้องทำ" มาร์ล่าถามต่อ "ก็ผ่านความฝัน และความตื่นรู้" นางฟ้าตอบ

มาร์ล่าถามคำถามที่สำคัญมาก "ถ้าฉันเลือกที่จะกลับไป แล้วช่วยพวกเขาใหตื่นรู้หละ ฉันจะยังได้เป็นปลาอยู่มั้ย"

นางฟ้าปลาหนู "ได้ซิ..ได้ทุกเมื่อหากเธอต้องการ ที่จริงแล้ว เธอสามารถเป็นปลาตอนนี้เลยแล้วก็ไปช่วยเพื่อนๆในเมืองได้ด้วย"

"ฉันจะอยู่สองที่ในเวลาเดียวกันได้งัย" มาร์ล่าถามด้วยความสงสัย "รูปร่างปลาของฉันจะไม่ทำให้พวกหนูในเมืองตกใจกันหมดเหรอ"

"ถือว่าเป็นการเริ่มเข้าโครงการฝึกอบรมนางฟ้าปลาหนูเลยแล้วกัน จี๊ดๆ เธอจะเข้าใจในไม่ช้า ถ้าเธอกลับเข้าเมืองอย่างปลา หนูเมืองบางคนจะปฏิเสธเธอ เพราะเขาไม่สามารถเห็นความเป็นปลาของเธอ แต่เขารู้แต่ว่าเธอแปลกและไม่เหมือนพวกเขา การอยู่สองที่หรือเป็นสองอย่างในเวลาเดียวกันมันไม่ง่ายนะ มันก็ขึ้นอยู่กับเธอนั่นเองที่จะเลือกแบบไหน มาอยู่กับเรามั้ยหละ" พูดเพียงแค่นั้นแล้วนางฟ้าปลาหนูก็กลายร่างเป็นปลา และหายไปในมหาสมุทรพร้อมคนอื่นๆ
--------------------------
ถ้าเป็นนิทานก่อนนอนทั่วไป พอเรื่องถึงตรงนี้ มาร์ล่าก็น่าจะเลือกเป็นปลาและมีความสุขไปชั่วนิรันดร์ แต่ในเรื่องนี้ นางฟ้าปลาหนูให้มาร์ล่าเลือก เราจะหลุดเรื่องไว้เพียงแค่นี้

เราหวังว่าคุณจะเข้าใจสาระสำคัญของเรื่อง ในพลังงานใหม่ คุณบางคนจะต้องเลือกระหว่างการจบสิ้นภารกิจในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก ในอีกทางเลือกหนึ่ง คุณจะยังคงสถานะเดิมและรับใช้มนุษย์ชาติต่อไป และที่สำคัญอย่าเข้าใจผิดว่าทุกคนจะต้องโดนบังคับให้ตัดสินใจ โปรดรู้ว่าคุณจะได้รับความนับถือ ไม่มีการตัดสินว่าถูกหรือผิด คุณต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเมื่อถึงเวลาคุณจะรู้เองว่าต้องทำอะไร ดังนั้นคำตอบของมาร์ล่าขึ้นอยู่กับใจของคุณ นั่นเป็นกระบวนการยกระดับในพลังงานใหม่

Friday 10 February 2012

อานิสงค์แห่งทุกข์

อานิสงค์แห่งทุกข์
  1. คุณทราบหรือไม่ว่าธรรมะที่สำคัญระดับฉุกเฉินเร่งด่วน ขนาดว่าการดับไฟที่ใหม้หัวยังสำคัญน้อยกว่าเรียนธรรมะข้อนี้ ธรรมะข้อนี้ให้ความสำคัญกับการ "รู้" ทุกข์เป็นอันดับแรก เมื่อรู้อย่างนี้ก็ไม่ต้องวิ่งหนีทุกข์(ที่ใจ)กันแล้ว ขยันสอดส่องหาความทุกข์ไม่ว่ามันจะซ่อนหรือถูกซ่อนไปอย่างเนียนก็หามันให้เจอ เจอทุกข์แล้วให้ทัก ทักแล้วรีบลา ลาแล้ว(ยิ้ม)รอทุกข์รอบใหม่ ซ้อมกระบวนท่านี้เป็นประจำ วิกฤตแห่งทุกข์ของคุณก็จะเป็นโอกาสและความสุขได้ไม่ยาก
  2. คุณทราบหรือไม่ว่าเราเรียนรู้และเติบโตจากความสุขได้น้อยมากหรือไม่เลย แต่ตรงกันข้าม เราสามารถเรียนรู้และเติบโตจากความทุกข์อย่างมากมาย มุมมองนี้อาจจะฟังดูขัดๆแต่มันเป็นธรรมชาติเช่นนั้นครับ คุณลองดูของมีค่าตามธรรมชาติว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพชรมีสารตั้งต้นคือถ่านแต่ถูกกระทำด้วยความร้อนและความดันหลายพันปี ถ่านจึงถูกเปลี่ยนเป็นเพชร คนก็เช่นเดียวกัน ผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงต้องผ่านความล้มเหลงมาแล้วหลายครั้ง มีคนคนทำสถิติด้วยครับว่า เศรษฐีเจ้าของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ จะต้องทำบริษัทแล้วเจ๊งโดยเฉลี่ย 7 ครั้ง



ขอยกกรณีตัวอย่างของการฝีกฝนผ่านความทุกข์ โดยใช้พลังแห่งความรักช่วยผลักดัน ผลที่ได้มิใช่เพียงความแข็งแกร่งของกายและใจ ผมว่าเขาได้รับรางวัลแห่งชีวิตหรือะไรที่ยิ่งกว่านั้นซะอีก เป็นกรณีของครอบครัว Hoyt ... คุณพ่อ Dick (Hoyt) คุณแม่ Judyมีลูกชายขื่อ Rick Rick ซึ่งขาดอ็อกซิเจนตอนเกิดจนพิการทางสมอง Rick พูดไม่ได้เดินไม่ได้ ไม่มีทางมีชีวิตปกติ ผมคิดไม่ออกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะทุกข์ซักขนาดไหนที่มีลูกพิการ Dick และ Judy ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสเหมือนคนปกติ จนได้เข้าโรงเรียน อายุ 15 Rick อยากวิ่งการกุศลหาทุนช่วยเพื่อนที่เป็นอัมพาต Dick จึงตกลงแข่งร่วมกับลูกชายที่นั่งในรถเข็น เมื่อเขาวิ่งพร้อมรถเข็นเข้าเส้นชัย Rick ก็พูดกับพ่อว่า "พ่อครับ...ตอนผมลงแข่ง ผมไม่รู้สึกว่าผมเป็นคนพิการเลย"
ด้วยจุดเริ่มต้นตรงนั้น.. Dick และ Rick ก็ลงแข่งวิ่งมาราทอน อีกหลายสนาม รวมทั้งแข่งไตรกรีฑา "คนเหล็ก" ที่แม้แต่คนธรรมดายังเอาตัวไม่รอด รางวัลให้ชีวิตที่ Dick ได้รับ ไม่ใช่เพียงแค่ความสุขที่สามารถทำให้ Rick ไม่รู้สึกถึงความพิการของเขา แต่ยังมีอีกอย่างคือ ... หมอตรวจพบความผิดปกติทางหัวใจ หมอบอกว่า ถ้าเขาไม่วิ่งเพื่อลูก จนร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ เขาอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
จนถึงวันนี้ ครอบครัว Hoyt ก็ยังลงแข่งไตรกรีฑาอยู่ ทั้งคู่ยังไม่คิดจะเลิก
  1. ทุกข์คือตัวสร้างและคัดกรองเพื่อนแท้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเพื่อนกินเที่ยวหาง่าย เพื่อนตายหายาก แม้ว่าคุณจะมีเพื่อนมากมายแวดล้อมตัวคุณในวาระแห่งความสุขต่างๆ แต่จะมีสักกี่คนในกลุ่มนี้อยู่กับคุณในยามที่คุณไม่มีอะไรเหลือมอบให้พวกเค้าได้ และจำนวนมันจะน้อยลงไปอีกที่จะยังอยู่กับคุณในยามลำบากหรือมีความทุกข์ต้องการความช่วยเหลือจากเขา และจะน้อยลงที่สุดถ้าเขาต้องเสียสละเพื่อคุณ ดังนั้นในยามที่มีความทุกข์ ที่คุณอาจเหลือเพื่อนเพียงไม่กี่คนอยู่ข้างกาย อย่าเสียใจ เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คุณได้อยู่กับคนที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองที่สุดแล้ว ที่จริงคุณอาจจะแปลกใจที่เพื่อนที่ไม่เคยอยากร่วมสุข กลับเป็นคนที่พร้อมจะร่วมทุกข์กับคุณมากที่สุด .. บางที่ชีวิตก็สวยงามเบ่งบานในเวลาที่เราไม่คาดฝัน
  1. ซักวันคุณอาจจะได้เป็น Hero ...คุณทราบมั้บว่า Hero ของผมหลายคนเป็นคนพิการ


อาจารย์กำพล ทองบุญนุ่ม ตอนอายุ 24 เขาประสบอุบัติเหตุศีรษะกระแทกพื้นที่ก้นสระว่ายน้ำ ชาไปทั้งตัวเป็นอัมพาต คงไม่ต้องอธิบายว่าความทุกข์บีบคั้นทั้งกายทั้งใจขนาดไหน ปัจจุบัน "จิต" ลาออกจากความพิการและความทุกข์แล้ว และเป็นนักพูด ผู้บรรยายธรรมที่มีชื่อเสียง



Nick Vujicic เกิดมาพร้อมความพิการไม่มีแขนขา ปัจจุบันเขาเป็นนักพูดสร้างกำลังใจ บรรยายให้ผุ็ฟังกว่า 3 ล้านคนใน 24 ประเทศ 5 ทวีป


Hero ของผมทั้งสองท่านก็ฝ่าผ่านความทุกข์มากได้อย่างสง่างามและสุดภาคภูมิ ผมไม่ได้ขอหรืออยากให้คุณเป็นคนพิการ แต่คุญควรภูมิใจว่า เมื่อคุณผ่านด่านทุกข์สำเร็จไปได้ คุณก็พร้อมจะเป็นวีระบุรษของใครซักคนแล้วครับ
  1. สุดท้าย ทุกข์ซ้ำๆ คือโอกาสของการฝึกฝน ถ้าคุณเป็นเด็กขี้เกียจ การฝึกจะเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อมาก แต่กับมืออาชีพ โอกาสได้ฝึกฝนก่อนลงแข่งจริง เป็นสุดยอดปรารถณาเลย เพราะคุณรู้ว่าเมื่อการแข่งครั้งสุดท้ายมาถึง คุณจะลงแข่งด้วยความพร้อม และจะได้รับชัยชนะทีงดงามที่สุด ..... คุณต้องเลือกหละว่าจะเป็นคนขี้เกียจ หรือเป็นมืออาชีพ

มาถึงตรงนี้...คุณรู้สึกดีกับความทุกข์ขึ้นมาบ้างหรือยัง อยากออกไปลุยกับความทุกข์แบบมืออาชีพ เพาะบ่มเพชรในตัวคุณแล้วหรือยังครับ
ก่อนผมจะจบบทความนี้ ผมขออนุญาติแอบบอกความลับของจักรวาลให้คุณรู้อีกหน่อย.. คุณทราบมั้ยว่าทุกคนเกิดไม่ได้มาคนเดียว พระเจ้ามอบคนนำทางมาให้พร้อมเพื่อนร่วมทางมาด้วยเสมอ..แต่มนุษย์กลับเลือกที่จะเดินเหงาๆคนเดียว ....น่าขำปนน่าสงสารมั้ยครับ ขอเถอะ อย่าอยู่คนเดียวเลย มองรอบๆตัว เปิดตาเปิดใจให้เพื่อนได้้มีโอกาสเขาได้ทำหน้าที่ ตัวคุณเองก็เกิดมาเป็นเพื่อนร่วมทางของใครซักคนเช่นกันดังนั้นถือโอกาสทำหน้าที่นั้นเองด้วย ขอให้มีความสุขอยู่กับการรู้ทันทุกข์มากๆนะครับ

Thursday 9 February 2012

เจ้าหนอนอ้วน [นิทานต่างมิติ]



การละครั้งหนึ่งในป่าแห่งนึง....มีหนอนอ้วนกลมที่เป็นหัวหน้าหนอนแก้วในป่านั้น ได้รับข้อความจากเทพประจำป่า ตอนนั้นเป็นเวลาอาหารค่ำพอดี เจ้าหนอนอ้วนก็กินใบไม้อย่างเอร็ดอร่อย.. งั่มงั่ม....อืม์...งั่มงั่ม

เมื่อท่านเทพปรากฎตัว กล่าวทักทาย ว่างัยท่านหนอน สบายดีรึเปล่า... เราเห็นว่าท่านทำตัวดี เป็นหัวหน้าหนอนที่ขยันและดูแลลูกน้องด้วยดีตลอดมา.. ขณะนี้เธอได้รับรางวัลเพราะเธอพร้อมแล้ว

ถ้าเธอต้องการเธอนะเธอสามารถบินได้ บินสูงด้วย เธอจะมีปีกที่สวยงาม

เจ้าหนอนก็เริ่มสนใจ.. จริงเหรอ .. แล้วฉันต้องทำงัยหละ

เทพแห่งป่าจึงได้อธิบายกระบวนการแปลงร่าง (พวกเรารู้จักกระบวนการนี้อยู่แล้วก็จากหนอนเป็นดักแด้แล้วเป็นผีเสื้อสวยงาม) เรื่องทั้งเรื่องเจ้าหนอนจำได้อยู่แค่ 2 ประเด็นคือ 1...ต้องมีตอนอดข้าว 2....แล้วต้องสลายร่างเก่าแล้วประกอบเป็นร่างใหม่..

ท่านเทพ... ท่านไม่รู้เหรอว่าหนอนหนะต้องกิน ไม่กินก็ไม่ใช่หนอน.. นี่เป็นธรรมชาติที่เป็นมานานแสนนานตั้งแต่ข้าจำความได้ข้าก็กินไม่หยุดจนสมส่วนแบบนี้... งั่มงั่ม....อืม์...งั่มงั่ม

แล้วจะให้ฉันสลายตัวเอง.. แบบนี้ก็ตายแหงๆ... เกิดมาไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้เลย... ฉันไม่เชื่อหรอก.. พระเจ้าไม่ให้จองขวัญที่ฉันต้องลำบากแบบนี้แน่ๆ ท่านให้หนอนอยู่สบายๆ กินนอนกินนอนอย่างมีความสุข ท่านต้องรักเรามากแน่ๆ แล้วอยู่ดีๆจะให้มาทำอะไรเสี่ยงๆได้งัย ไม่เชื่อไม่เชื่อ...

แล้วถ้าท่านอยากให้ของขวัญจริง ทำไมท่านไม่นำมาให้เราหละ ทำไมต้องให้เราทำด้วย..

เทพแห่งป่าก็พยามอธิบาย... พระเจ้าได้มอมพลังวิเศษที่ท่านเลือกได้นี่งัย แล้วท่านยังเตรียมร่างกายท่านหนอนให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้วด้วย..ที่เหลือคือท่านเลือกและทำตามขั้นตอนและปล่อยทุกอย่างที่เหลือเป็นหน้าที่ของเราและพระเจ้า

หนอนก็ยังไม่แน่ใจ...ถามต่อ.. แล้วท่านมีข้อพิสูจน์หรือไม่หละ.. ท่านเทพก็บอกว่า..มีซิ ท่านลองปีนไปดูข้างบนซิ ท่านจะเห็นหลักฐานมากมาย.. หนอนบินได้ที่มีปีกสวยงามบินอยู่เต็มท้องฟ้า ปีกใหม่ยามล้อเล่นกับแสงอาทิตย์มันสวยงานเกินบรรยายเลยทีเดียว

หา... ว่างัยนะ ท่านจะให้ข้าปีนไปข้างบนเหรอ.. ทำไมท่านไม่เอาหลักฐานมาให้เราดูหละ.. เวลาพระเจ้าพระทานของให้เราท่านก็สร้างมาในที่ๆเราอยู่ ดูซิพระเจ้าสร้างตาให้หนอนมองลงข้างล่างนะ มองปั๊บก็เห็นอาหารทันที... ดูซิพระเจ้าตัวจริงต้องทำแบบนี้ซิ

อีกอย่างนะหนอนไม่ชอบแดด... ท่านไม่รู้เหรอ.. ผิวอันบอบบางและทรงผมสุดเท่ห์นี่มันโดนแดดแล้วหมดรุปเลยเชียว... ท่านไม่รู้จริงหรือแกล้งกัน หนอนผมไม่หล่อนี่เสียรูปหมด

ท่านมีข้อพิสูจน์อื่นมั้ย... ท่านเทพก็บอกว่า ทางเดียวก็คือท่านต้องขึ้นไปดูเอง...

หนอนบอกว่า... เราไม่เชื่อหรอกแต่เดี๋ยวจะเอาไปปรึกษาที่สภาหนอนแก้วพรุ่งนี้เช้าก่อน... ทานเทพจึงกล่าวลาแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้าจนลับตาไป

ในตอนเช้า.. หนอนอ้วนผู้เป็นหัวหน้าก็เรียกชุมนุมสภาหนอนแก้ว...

เมื่อว่าท่านเทพแห่งป่ามาหาเรา... ท่านบอกว่าพวกเราทำหน้าของตัวเองได้ดี ตอนนี้ถึงเวลาแล้วท่านและพระเจ้าจึงมีรางวัลให้ ท่านบอกว่าเราสามารถเลือกที่จะแปลงร่างเป็นหนอนที่บินได้ แล้วยังจะมีปีกที่สวยงานยามบินล้อเล่นกับแสงแดดบนฟ้าด้วย

แต่เรามามันทะแม่งๆเพราะปกติพระเจ้าจะใจดี ท่านมองทุกอย่างให้เราง่ายๆ อาหารที่อยู่ทุกอย่างเพรียบพร้อม เราไม่ดิ้นรน... แต่พระเจ้าที่ที่เทพพูดถึงนี่ดูเปี๊ยนไป๋... ต้องให้เราอดอาหาร แล้วยังต้องให้เราสลายร่างตัวเองอีก ต้องเป็นปีศาจมาแอบอ้างแน่ๆ

เหล่าสมาชิดสภาหนอนก็ส่งเสียงงั่มๆฮือๆ..แสดงความเห็นด้วย และขอบคุณหนอนอ้วนผู้เป็นหัวหน้า ปัญญาของท่านช่วยพวกเราไว้นะเนี่ยะ ถ้าไม่ได้ท่านมาบอกข่าว เราคงต้องโดนหลอกไปอีกหลายตัวเลย... ขอบคุณท่านจริง... เหล่าหนอนในี่นั้นก็กระทืบเท้าเป็นการคารวะและชมเชยหนอนหัวหน้าผู้เฉียบแหลม

เรืองก็จบลงเพียงเท่านี้... ช่างน่าเสียดายเจ้าหนอนเอ๊ย ถ้าเจ้าจะปีนขึ้นไปดูซักนิด เจ้าจะเห็นว่าเจ้าพลาดอะไรไปอย่างใหญ่หลวง ไม่ใช้เจ้าหนอนอ้วนตัวหัวหน้าเท่านั้น นี่อดทั้งฝูงเลย..

บ่อน้ำมันดิน [นิทานต่างมิติ]


[จาก Kryon Parable]
[แปลโดย Kind Particle]

ลองจินตนาการถึงตัวคุณเองกับเพื่อนมนุษยคนอื่นๆอาศัยอยู่ในบ่อน้ำมันดิน
สกปรกเหนียวเหนอะหนะตั้งแต่หัวจรดเท้า จะเคลื่อนทีไปไหนก็อืดหนืดไปหมดเพราะน้ำมันดินมันเหนียวข้นมาก แต่เมื่อคุณเคลื่อนที่บ่อยเข้าก็เริ่มคุ้นชิน ปีแล้วปีเล่าที่คุณและคนอื่นๆอยู่ในบ่อน้ำมันดินจนยอมรับความอืดหนืดและสกปรกนี้เป็นธรรมชาติหนึ่งเช่นเดียวกับแรงดึงดูดของโลก (เราอยากบอกว่า)นั่นเป็นความเพ้อเจ้อของคุณ!

แล้วจู่ๆคุณก็ได้ของขวัญจากพระเจ้าแบบเงียบๆ มันเป็นของวิเศษที่ทำให้ร่างกายสะอาดแม้ว่าจะอยู่ในบ่อน้ำมัน ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนมันราวกับว่ามีสนามพลังรอบตัวคุณคอยผลักน้ำมันดินออกไป คุณน้อมรับของขวัญและภาระหน้าที่ที่มากับมัน

คุณเริ่มศึกษาวิธีใช้ แล้วคุณก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ คุณเริ่มที่จะโดดเด่นในสายตาคนอื่น คุณสะอาดสดใสและเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในขณะที่ผู้คนรอบข้างยังชุ่มโชคด้วยน้ำมันดินเหนียวๆอยู่นั้นเอง

คุณเริ่มตระหนักด้วยอีกว่าคุณเองก็เป็นผู้ร่วมสร้างความมหัศจรรย์นี้ด้วย แต่มันเป็นของขวัญส่วนตัว คุณเลยไม่บอกใครถึงของขวัญจากพระเจ้าชิ้นนี้

ทีนี้คุณคิดว่าคนรอบข้างจะไม่สนใจคุณได้มั้ย..เมื่อคุณเดินตัวปลิวสะอาดสดใส คุณคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดูนะพวกเขากำลังจะเปลี่ยน สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือ ไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหน คนจะเปิดทางให้ จากนั้นเขาจะถามคุณว่าทำได้งัย ถึงตอนนั้นคุณค่อยบอกเขาถึงของขวัญจากพระเจ้าและวิธีที่คุณใช้และร่วมสร้างความมหัศจรรย์นี้

พอได้ของวิเศษณ์ แต่เริ่มใช้มันกับตัวเอง คนที่สะอาดและเป็นอิสรจากน้ำมันเหนียวก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ละคนก็เพียงแค่ใช้เครืองมือกับตัวเองเหมือนที่คุณทำ ขณะที่คุณใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ลองมองว่ามันจะเกิดอะไรกับผู้คนรอบข้าง เกินครึ่งของพวกเขาจะอะสาดไม่ติดหนึบเหนอะหนะกับน้ำมันดินอีกต่อไป

มาดูกันว่ามันเพิ่งเกิดอะไรขึ้น.... คุณไม่ได้ชักชวนและเผยแพร่เรื่องของขวัญจากพระเจ้านั้นเลย แล้วก็ไม่ได้ขอให้ใครเปลี่ยนอะไรเพื่อคุณ แต่พวกเขาก็เปลี่ยนอยู่ดี  นี่คือผลของ "หนึ่งคนสร้างเพื่อหลายคน" ("one creates for many") เราจะบอกให้นะ เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันคือจุดเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงของคนรอบๆคุณ มนุษย์ไม่สามารถยืนดูเฉยๆได้เมื่อเห็นสันติสุข และความรักที่แผ่ออกไปจากคุณได้หรอก นี่เป็นการปลดอาวุธและส่งความรักไปพร้อมๆกัน มันทำงานเหมือนแม่เหล็กที่อยู่ท่ามกลางแม่เหล็ก ขั้วแม่เหล็กใหม่ของคุณจะส่งผลต่อการจัดเรียงตัวใหม่ของทุกคนรอบตัว ชีวิตและการดำรงอยู่ของคุณจะไม่มีวันเหมือมเดิมอีกต่อไป

ทารกพูดได้ [นิทานต่างมิติ]



เหตุการณ์มันเริ่มต้นที่ห้องซักผ้า... คุณแม่ยังสาวกำลังสาละวนกับการโยนผ้าเข้าเครื่อง ทันใดนั้นเอง เทวดา ตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น..

เจ๊อย์ย์ย์... ท่านมาทำอะไรที่นี่.. คุณแม่ ถาม. ทำไมหละ เธออยากให้ฉันไปปรากฏตัวที่อื่นเหรอ .. เทวดา ถาม

เปล่าเจ้าค่ะ... คือว่าดิฉันไม่คิดว่าจะเจอเทวดา ... แล้วนี่ท่านมาทำไมค่ะ

ฉันก็มาทำความฝันของเธอให้กลายเป็นจริงหนะซะ ... เทวดาตอบ

แต่ดิฉันไม่ได้ขออะไรนี่เจ้าค่ะ...หรือฉันไปเผลอขออะไรแผลงๆตอนเมาปลิ้น คุณแม่ชักจะเหวอๆตัวเอง

เปล่าหรอก.. ฉันรู้ว่ามันเป็นความปรารถณาของแม่ทุกคนที่อยากจะพูดคุยกับลูกให้เช้าใจ ยิ่งเขาเป็นเด็ก เราก็ยิ่งห่วง อยากบอก อยากสอน อยากห้าม อยากๆๆๆๆสารพัดนั้นแหละ.. ฉันก็เลยจะให้โอกาสเธอได้พูดกับลูกชายงัย ... เอามั้ยหละ... เทวดาถาม

อยากเจ้าค่ะ...คุณแม่รีบตอบในทันที ดี.. งั้นคืนพรุ่งนี้ตอนเธอไปหาลูก ฉันจะไปเจอเธอที่นั้น ลูกของเธอจะได้รับพรให้พูดได้เหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลย.. เทวดาตอบ... แล้วเทวดาก็หายตัวไป

คุณแม่ยังสาวก็นอนไม่หลับ ได้แต่คิดว่าจะพูดอะไรกับลูกดี ลูกจะพูดอะไรอยากได้อะไรอยากรู้อะไร.. โอ๊ย... ตื่นเต้นๆ..

เธอเดินไปหาลูก มองลูกชาย 6 เดือนด้วยความรักอย่างที่สุด .. พรุ่งนี้นะลูก เราจะได้คุยกัน.. แม่รักลูกนะ..

วันทั้งวัน คุณแม่ก็เตรียมสิ่งที่จะพูดและเตรียมคำตอบที่คิดว่าลูดจะอยากรู้ในแต่ละช่วงวัย วิธีจีบสาว วิธีดูสาวที่รักเราจริง การเตรียมตัวเพื่อให้ได้งานในฝัน.. และอื่นๆอีกมากมายที่พอจะคิดได้และเตรียมได้

พอตกกลางคืน ... คุณแม่ก็เดือนไปในห้องลูก แล้วเทวดสก็ปรากฏตัวขึ้นตามที่นัดแนะไว้... เทวดาอธิบายกฏกติการ.. เอาหละ ฉันจะเสกให้ลูกเธอพูดได้เหมือนผู้ใหญ่หละนะ.. เธอมีเวลาไม่จำกัด แต่เธอจะพูดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากตอบคำถามที่ลูกชายถามเท่านั้น และเขามีโอกาสถามได้เพียง 3 คำถาม.. เข้าใจกติกามั้ย.. เทวดาถาม คุณแม่ก็ได้แต่พยักหน้า...

แล้วเทวดาก็หายตัวไป... เธอรออึดใจยังไม่เห็นลูกชายทำอะไร.. นึกสงสัย..งว่าจะโดนเทวดาต้มซะหละมั้ง... แต่ทันใดนั้นเอง ลูกชายวัย 6 เดือนก็ลุกขึ้นยืนและพูดเป็นภาษาคนเหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลย..

แม่ฮับ...สวัสดีฮับ.. ผมรักแม่มากฮับ... ลูกชายเริ่มเิดฉากการสนทนา

นี่มันเป็นอะไรที่สุดวิเศษณ์เลยฮับที่ได้คุยกับแม่ตอนนี้... มีเรืองที่ผมอยากรู้มากมายเหลือเกิน ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเรื่องสำคัญทั้งนั้น แต่ผมมีโอกาสถามได้ 3 ข้อ... ลูกชายเงียบคิดอยู่นาน.... โอเค ผมรู้แล้วว่าจะถามอะไร.. คำถามแรกนี้สำคัญมากเลยฮับ... แม่ฮับ...

คุณแม่แทบจะหยุดหายใจรอคำถามจากลกชายตัวน้อย.... แม่ฮับ ทำไมท้องฟ้าจึงมีสีฟ้าฮับ

แป่วววววว... คุณแม่จุกเล็กน้อยกับคำถามสุดสำคัญ .. คิดในใจ.. อะไรนี่ โอกาสสำคัญแบบนี้ไม่ใช่จะได้มาบ่อยๆทำไมถามคำถามไร้สาระขนาดนี้ นี่ไม่เห็นเกี่ยวกับชีวิตตรงไหนเลย

แต่ด้วยความรักที่ยังมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น เธอจึงอธิบายเรื่องแสงอาทิตย์ เรื่องน้ำทะเล เรืองการหักเหของแสง.. brabrabra อ๋อฮับแม่ เข้าใจแล้วฮับ

คำถามต่อไปฮับแม่... เออ... นี้ก็สำคัญนะ.. ผมขอถามว่า ทำไมบางทีมันร้อนบางทีก็หนาวหละฮับแม่

คุณแม่เหมือนโดนน๊อคลงไปนับเป็นครั้งที่ 2 คิดในใจ... นี่อะไรกัน ถามอะไรโง่ๆ แต่เธรู้ว่าเวลาอันมีค่าเช่นนี้ไม่ใช่เวลาตีโพยตีพาย คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ต้องสำคัญสำหรับลูกเธอมาก...ด้วยความรักและเคารพเวลาศักดิ์สิทธฺ์เช่นนี้ เธอจึงค่อยๆตอบถึงเรื่องโลกเอียง โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี และอื่นๆเท่าที่เธอจะตอบได้..

นี่เป็นคำถามสุดท้ายแล้วฮับแม่... ผมขอคิดนานๆหน่อยนะฮับ... เออ... แม่ฮับ ผมรักแม่ แต่ผมจะรู้ได้งัยว่าแม่เป็นแม่จริงๆของผมฮับ...

หมัดตรงเข้าลิ้นปี่เต็มๆ คุณแม่แทบลงไปกองกับพื้น นี่มันคำถามแบบไหนกัน เทวดาเล่นกลแกล้งเรารึงัย... ถามมาได้งัย .. ใครกันดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลไม่เคยห่างตั้งแต่บูกเกิดมา นี่มันช่างเป็นช่วงเวลาอันน่าผิดหวัง เธอไม่อยากตอบเลย .. ถ้าเจอเทวดสตนนั้นอีก ฉันจะจับโดยเข้าเครืองปั่นให้ปีกกระจุยเชียว

เธอเริ่มน้ำตาซึมๆ... เอื้อมมือมาบีบมือลูกชายเบาๆ... ลูกจ๋า.. ดูนิ้วนี้นะ..นิ้วแม่มันเหมือนนิ้วลูกเลยใช่มั้ย.. ลูกจ๋า..ดูมือเท้าหน้าผมของแม่นี้เหมือนของลูกเลยใช่มั้ย รอยยิ้มเราก็เหมือนกัน หน้าเรายามร้องให้ก็เหมือนกัน .. ลูกจ๋า..แม่เป็นแม่ของลูกจริงๆ

ดูเหมือนคำตอบนั้นเป็นที่พอใจและลูกชายก็อุ่นใจที่รู้ว่านี่คือแม่จริงๆ... เขากอดแม่ไว้แน่นแล้วบอกกับเธอว่า.. แม่ฮับ ผมรักแม่... เพียงแค่นั้นแล้วลูกชายก็ล้มตัวลงนอน หลับไปอย่างรวดเร็ว

คุณแม่ค่อยๆปาดน้ำตา.. คำสุดท้ายคำนั้นและอ้อมกอดที่ลูกชายมอบให้สื่อแทนความรักที่ไร้ความเคลือบแคลงใดๆ .... แต่......แต๋......

แต่...มันแค่นี้เองเหรอ... นี่มันควรจะเป็นการพูดคุยที่สุดวิเศษณ์นี่น่า ฉันยังไม่ได้คุยกับลูกชายเป็นเรื่องเป็นราว ที่เตรียมมาทั้งหมดไม่ได้ใช้เลย เขาควรจะได้รับข้อมูลสำคัญเหล่านี้นะ มันจะสำคัญกับเขามากเลยเมื่อเขาโตขึ้น......เทวดา.. ท่านเทวดาออกมาหน่อย ออกมา

แล้วเทวดาก็ปรากฏตัวขึ้น...คุณแม่สวนก่อนเลย.. นี่มันอะไรกัน มันน่าผิดหวังมากเลยนะ

เทวดาก็ตอบอย่างใจดี.. ก็ข้าให้เวลาแล้ว แต่ข้าไม่ได้เป็นคนกำหนดคำถามนี่

ก็ไหนท่านว่าเขาจะพูดได้เหมือนผู้ใหญ่งัย... นี่เขาเอาแต่ถามอะไรที่มันไม่สำคัญเลย.. ถามดินฟ้าอากาศเนี่ยะนะ

เทวดาตอบอย่างใจเย็น.. ก็เราให้เขาพูดได้เหมือนผุ็ใหญ่คิดได้เหมือนผู้ใหญ่ แต่ประสบการณ์ของเขามีเพียง6 เดือน.. คิดดูนะ คำถามทั้งสามนั้นเป็นคำถามที่สำคัญจริงๆสำหรับเด็ก 6 เดือน แล้วที่สำคัญ ข้าว่าเจ้าตอบได้ดีเหมาะสมทุกข้อโดยเฉพาะข้อหลังสุดซึ่งเป็นคำถามที่สื่อถึงความกลัวของเขา...คำตอบของเจ้าถูกเจ้าตอบเขาด้วยความรัก และคำตอบนั้นก็เต็มเปี่ยมด้วยความรักเช่นกัน ... ลูกชองเจ้าทำดีที่สุดแล้ว ถามทุกอย่างจากใจ ไม่มีมารยาใดๆ เจ้าจะขออะไรมากไปกว่านี้ได้อีกเหรอ..

คุณแม่นั่งลงทบทวนคำถามของลูกชาย และคำอธิบายของเทวดา.. เธอเข้าใจแล้ว.. คำถามทั้งสามนั้นเป็นสุดยอดสำคัญสำหรับลูกชายตัวน้อย เขาจะรู้ได้งัยว่าต้องถามอะไรที่เธออยากตอบ ก็เขาไม่มีประสบการณ์ไม่มีวุฒิภาวะเช่นเดียวกับเธอนี่นา ถึงจะถามคำถามเหล่านั้นได้... แล้วสมมุตว่าลูกชายมีประสบการณ์มีวุฒิภาวะเทียบได้กับเธอ เขาก็คงไม่ต้องถามคำถามเหล่านั้นแล้วหละ

....

เธอเดินกลับมาที่ห้องของลูกชาย...มองดูเขาหลับอย่างนุ่มนวลอยู่เนิ่นนาน... ลูกจ๋า.. ลูกทำดีที่สุดแล้วจ้ะ แม่ดีใจที่เราได้คุยกันวันนี้..... เธอก้มลงจุ๊บหน้าผากลูกชายแผ่วๆราวกับถนอมแก้วเจียระนัย เธอจะไม่ลืมประสบการณ์และบทเรียนในวันนี้เลย...

Wednesday 8 February 2012

เจสัน และถ้ำเนรมิต [นิทานต่างมิติ]


เจสัน และถ้ำเนรมิต

[จาก Kryon Parable]
[ผู้แปล Kind Particle]

หมายเหตุผู้เขียน: นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับเกมที่เล่นกันระหว่างเจสันและผู้พิทักษ์ถ้ำเนรมิต มันเป็นการทดสอบการควบคุมตนเองของเจสัน ที่แฝงมาในรูปแบบความท้าทายง่ายๆ คุณพอจะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนิทานและชีวิตจริงของเราได้หรือไม่ เจสันเห็นภาพ ที่จริงมันเป็นภาพฝัน แต่ในกรณีของเจสันมันไม่แตกต่างกัน เจสันเป็นผู้รู้(enlightened)คนหนึ่งที่มักจะเห็นภาพในฝัน แต่ครั้งนี้ภาพนั้นชัดเจนสดใสเป็นพิเศษ

เจสันพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าถ้ำใหย่แห่งหนึ่ง และเขาก็ทราบทันทีว่าถ้ำนั้นคือถ้ำอะไร นี่คือถ้ำเนรมิต (cave of creation) ซึ่งเป็นที่เก็บบันทึกฟ้าดิน (Akashic Records) ที่บันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เริ่มมาจุติในโลกจนตายออกไปจากโลกนี้ไป โอ้..ฉันจำสถานที่แห่งนี้ได้! เจสันบอกกับตัวเอง ที่ยืนอยู่นั่นคือผู้พิทักษ์ปากถ่ำ ดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจนักที่เจสันจู่ๆก็มายืนอยู่ที่ทางเข้า ความจริงผู้พิทักษ์กำลังรองเขาอยู่ต่างหาก! แล้วผู้พิทักษ์ก็พูดขึ้นว่า "เจสัน..ดีจังที่เห็นคุณที่นี่ เรามีเกมส์สำหรับคุณ มันเป็นการทดสอบ เป็นเกมส์สำหรับจิตวิญญาณของคุณ. " ผู้พิทักษ์ถ้ำยิ้มให้ เจสันรู้เลยว่าเรื่องสนุกๆกำลังจะเกิดขึ้น "ยอดเยี่ยม" เจสันตอบ "ดีๆ..ผมชอบเล่นเกมส์"

"ลองดูที่ทางเดินนะ" ผู้พิทักษ์กล่าวในขณะที่เขาขยับประตูถ้ำให้เปิดออกอย่างง่ายดาย เจสันเห็นว่ามีทางเดินตรงๆและแคบทอดยาวไปตลอดถ้ำ เขามองเห็นปลายถ้ำที้มีแสงส่องเ้ข้ามา นั่นคือทางออก ดูเหมือนการเดินลอดถ้ำไปไม่น่าจะมีอะไรยาก "แล้วเราจะเล่นเกมส์อะไรกันครับ" เจสันถามผู้พิทักษ์ "เราอยากให้คุณเดินผ่านถ้ำไปยังทางออกอีกฝั่งหนึ่ง คุณมีเวลาหนึ่งชั่วโมงตามเวลาโลกที่จะเดินไปให้ถึง" ผู้พิทักษ์กล่าว "ไม่มีปัญหา" เจสันตอบ "แล้วผมจะได้อะไรถ้าผมทำความสำเร็จหละ"

"นี่มันไม่ใช่เรื่องของรางวัล มันเป็นเพียงการเล่นเกมส์ มันเป็นเกียรติอย่างมากถ้าคุณจะเข้าร่วมเล่นเกมส์นี้ การเดินไปตามเส้นทางนี้เป็นการทดสอบและไปให้ถึงทางออกเป็นเป้าหมาย คุณทำได้หรือเปล่า" "แน่นอม..ผมทำได้" วิญญาณนักกีฬาของเจสันตอบด้วยความมั่นใจ ดังนั้นผู้พิทักษ์จึงถอยออกมา เพื่อให้เจสันเริ่มการเดินทางของเขา แล้วเจสันก็เดินเข้าไปในถ้ำ อีกครั้งที่เขามองไปข้างหน้าและเห็นว่าทางออกอยู่ไม่ไกล เดินตรงไปแค่ 1ใน 4 ไมล์เท่านั้น ด้วยคิดว่ามีเวลาเหลือเฟือ..เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้สายตาปรับตัวให้คุ้นเคยกับแสงในถ้ำ เขาเดินไปข้างหน้าและรู้สึกสนใจกับสีสรรอันหลากหลายที่เขาได้เห็น และในเวลาไม่นานนัก เขาก็เริ่มได้ยินเสียง เขาได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งทางซ้ายและทางขวา เจสันคิดกับตัวเองว่า..ฉันมีทั้งชั่วโมง เดินแค่ 15 นาทีก็ถึงทางออกแล้ว เขาจึงหยุดเพื่อตรวจสอบสิ่งที่ได้ยิน

เจสันหยุดและหันไปทางขวา ทันใดนั้นเขาก็เห็นชั้นที่เต็มไปด้วยผลึกเรืองแสง เขาออกจากทางเดินอย่างระมัดระวัง และเดินตรงไปยังชั้นวางผลึกนั้น บนผลึกที่มีรูปทรงเหมือนคทานั้นมีตัวอักขระพิเศษจารึกไว้ เพียบเจสันเอื้อมไปแตะผลึกอันหนึ่งโดยยังไม่ได้ยกขึ้นมา ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่อักขระยึกยือนั้นสื่อถึง เจสันได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่เขาไม่เคยรู้มามันมีอยู่ เขาเห็นสงคราม เขาเห็นมหาเพลิง เขาเห็นแสงสว่างต่อสู้กับความมืด เขาเห็นชื่อของรูปธรรมมากมายหลากหลาย มันช่างเป็นสุดยอดประสบการณ์ ราวกับว่าเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ เจสันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเห็น แต่เขารู้สึกอัศจรรย์ใจกับเรื่องราว และพบว่ามันยากที่จะปล่อยมือออกจากผลึกคริสตัล มันยากจะขัดขืนจริงๆ ตั้งสติกลับเข้ามาที่เกมส์ และระยะเวลาที่จำกัด เจสันวางผลึกคริสตัลลง แต่ยังมีอารมณ์เคล้าเคลียไปกับสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น

หลังจากกลับมาที่ทางเดิน เจสัยได้ตระหนักว่าประสบการณ์จากการสัมผัสผลึกคริสตัลนั้นใช้เวลาโลกไปไม่นานเลย แต่เวลาในประสบการณ์มันยาวนานกว่านั้นมาก ดังนั้นเขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เจสันเดินไปข้างหน้าตามเส้นทางอีกครั้ง แต่ในเวลาไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุด "นั่นเสียงอะไร?" เขากล่าวกับตัวเอง "รู้แล้วๆผมจำได้" มันเป็นเสียงของแม่ของเขาเอง เขาหันไปทางซ้ายและเห็นกลุ่มผลึกไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่มากนัก เขาเดินไปยังกลุ่มผลึกเหล่านั้น และจำแนกออกว่าผลึกคริสตัลชิ้นหนึ่งเป็นของแม่ของเขา แต่จารึกด้วยอักขระที่เขาไม่คุ้นเลย เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่งพยายามฟังว่าเธอพูดอะไร แต่เขาไม่ได้ยิน มันนานเป็นปีแล้วตั้งแต่แม่เขาเสียไป แต่เธออยู่ตรงนี้แล้วงัย หรือว่ามันเป็นแค่ผลึกคริสตัลหรือไร

เจสันมีทางเลือก เขารู้ว่าเขาต้องการที่จะสัมผัสคริสตัลแม่ของเขา แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างบอกว่าไม่ควรทำเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก แต่เจสันก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่า "นี่เป็นเรื่องของครอบครัว ซึ่งแม่น่าจะอยากให้ฉันมีส่วนรับรู้เรื่องราวของเธอ ดังนั้นฉันจะไปสัมผัสมันหละ " ดังนั้นเจสันจึงสัมผัสผลึกคริสตัล ทันใดนั้นเขาก็ได้เข้าไปอยู่ในความเป็นจริงหลายช่วงชีวิตของแม่ของเขา แล้วเรื่องราวที่บันทึกไว้ในบันทึกฟ้าดิน (Akashic Record) ก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา เขาเห็นหลายชีวิตที่เธอมีและตลอดเวลาที่เธอใช้บนดาวโลกนี้และที่อื่นๆ และทั้งหมดนั้นรวมถึงชีวิตที่เขามีส่วนรวมด้วย แล้วเขาก็เห็นชีวิตปัจจุบันของเธอตอนนี้เธอเป็นเด็ก เป็นชีวิตที่เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย มันช่างติดตาตรึงใจ และเขาร้องไห้ด้วยความทรงจำและความสุขกับสิ่งที่แม่ทำให้กับเขา "โอ้..นี่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก! สุดยอดเกมจริงๆ " เขากล่าวออกมาดัง ๆ ในถ้ำ และด้วยความยากลำบาก..เขาฝืนใจเอามือออกจากผลึกคริสตัล แล้วก็พบว่าผลึกอันถัดไปเป็นของพ่อของเขาเอง เจสันสัมผัสผลึกนั้นเช่นกัน แล้วเขาก็ได้ประสบการณ์ที่คล้ายกัน และกล่าวอีกครั้งว่า "นี่..ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก! เป็นการเรีนยรู้ที่สุดยอดจริงๆ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุด"

เวลาตอนนี้กำลังจะหมดลง เจสันรู้ว่าเขาต้องเดินต่อแล้ว ไม่งั้นจะไม่ทันเวลา ดังนั้นเจสันจึงเดินมุ่งหน้าไปยังทางออกอย่างรวดเร็ว แต่แค่ไม่กี่ฟุตก่อนจะถึงทางออก เขาได้ยินอีกเสียงหนึ่ง ครั้งนี้เขารู้ว่ามันเป็นเสียงของเขาเอง!

เจสันหันไปทางขวา ผลึกเรืองแสงอีกอันวางอยู่ตรงน้้น คราวนี้เขาอ่านอักขระบบผลึกนั้นออก มันเป็นชื่อสากลจักวาร(astral name)ของเขาที่เขียนด้วยอักษรที่คล้ายอาหรับ(Arabic) เจสันมองไปที่ทางออกจากถ้ำที่ห่างไปไม่กี่ฟุต รู้ชัดว่าเหลือเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เขามองไปที่ผลึกคริสตัลของเขาแล้งตัดสิน เขาไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไปได้ เขาหันไปทางขวาและสัมผัสผลึกคริสตัลที่มีชื่อของเขาจารึกอยู่ คงไม่ต้องบอกว่า..เจสันออกจากถ้ำไม่ทันตามกำหนดเพื่อจะให้เกมส์จบอย่างสมบูรณ์ เขาอยู่ที่นั่น เฮฮาสำเริงสำราญกับชีวิตในอดีตของเขา ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเขาเคยเป็นใครและควรจะเป็นใคร ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในภาพรวมว่าแม่และพ่อของเขาเคยเป็นใครในอดีตของเขา และเขาเองเป็นใครในอดีตของแม่และพ่อเช่นกัน จากนั้น...เจสันก็ตื่นขึ้น

เจสันคิดว่านี่มันช่างเป็นความฝันที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! แล้วเขาก็จำเรื่องราวได้ทั้งหมด "แต่ฉันเสียใจที่ฉันไม่ชนะเกมส์" เขาคร่ำครวญ จากนั้นเจสันก็กลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของความฝันนั้น และไม่รู้สึกว่าผู้พิทักษ์ถ้ำจะตำหนิอย่างใด บางครั้งเขาก็คิดว่าถ้าฉันได้เล่นเกมส์นั้นอีกครั้งผลจะไม่เหมือนเดิม..ฉันต้องชนะแนะๆ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันพลาดตรงไหน

เจสันไม่รู้หรอกว่า..เขายังคงอยู่ในเกมส์นั่นเอง

Friday 3 February 2012

"วู" และห้องแห่งบทเรียน [นิทานต่างมิติ]


"วู" และห้องแห่งบทเรียน

นิทานอุปมาจาก Kryon

แหล่งที่มาของ http://www.kryon.com/k_14.html#Chap1
แปลโดย Kind Particle

หมายเหตุผู้เขียน (Lee Carroll) :
ผมบอกคุณแล้วว่าผมอยากจะแบ่งปันรายการโปรดของผมกับคุณและนี่คือหนึ่งในพวกนั้น ถึงแม้ว่าคำนิทานอุปมานี้เป็นหนึ่งในนิทานเรื่องแรกๆที่เล่าโดย Kryon ก็เรื่องนี้ยังคงแบบว่าใช่เลยกับชีวิตประจำวันของเรา  Kryon ผลักดันเราโดยการให้เครื่องมือเรามายกระดับการสั่นสะเทือนของเราเองบนโลกใบนี้ั เพื่อทำทำอย่างให้เป็นจริงขณะที่เราอยู่ที่นี่ นืทานอุปมานี้มีซ่อนเนื้อหาอยู่ภายในที่ช่วยให้เราเห็นจริงความเป็นไปได้ที่อยู่ต่อหน้าเรา มันยังสะกิดหัวใจของเราและเรียกร้องให้เรา "จำได้" ว่าที่เจริงๆแล้วเราเป็นใคร

Wednesday 1 February 2012

ผีเสื้อขยับปีกก็อาจสะเทือนถึงดวงดาว

เราเองก็เชื่อว่าการกระทำของคนธรรมดา คนเล็กคนน้อย ก็สามารถกระเทือนถึงสังคมใหญ่ได้ หากเพียงแต่มิใช่การกระทำอย่างกระหายผลลัพธ์ แต่เป็นการกระทำเพื่อการขัดเกลา และฝึกฝนทำความเข้าใจตนเองต่างหาก

สุวัฒนา, ขวัญแผ่นดิน


Monday 30 January 2012

เปลี่ยนแง่คิด ชีวิตเปลี่ยน เข้าใจพลังงานที่ขับเคลื่อนจักรวาลว่าเป็นพลังงานความรัก



By Kornkarn Bhamarapravati in Ascension Thailand 

by Kornkarn Bhamarapravati on Wednesday, July 13, 2011 at 12:50am

ผู้ เขียนถูกเลี้ยงมาให้อยู่กับความกลัวคนที่เขาสอนให้เรากลัวก็ไม่รู้ตัวว่าให้ อะไรกับเรา กลัวพ่อแม่ไม่รัก กลัวครูไม่รัก  กลัวสอบไม่ได้ที่ ๑  (แล้วแม่จะไม่รัก) กลัวเอ็นไม่ติด กลัวพ่อแม่เสียใจ   ทางศาสนาก็บอกว่าเราเกิดมาใช้กรรม (เกิดมาก็ติดลบแล้ว  เมื่อไหร่จะใช้หมด)  ตอนนี้ก็มีข่าวภัยธรรมชาติ น้ำจะท่วม แผ่นดินไหว  สึนามิจะมา  เลยมานั่งคิดว่านี่หรือคือชีวิต ติดอยู่กับความกลัว

เคยถามลูกชายว่า เขาเกิดมาทำไม เขาบอกว่าเกิดมาเพื่อหาประสพการณ์

ได้ ยินจากผู้รู้ต่างประเทศว่า จิตเดิมแท้ของเรานั้นยิ่งใหญ่มากค่า  แต่เรามาเกิดเป็นมนุษย์โดยมีข้อจำกัดของม่านกำบังระหว่างมิติโลกกับ  "บ้านที่จากมา" พลังงานจากรังสีคอสมิคในปัจจุบันลดความหนาของม่าน  ทำให้บางคน หรือรุ่นเด็กๆ สัมผัสข้อมูลต่างมิติ ข้อมูลข้ามชาติภพ  ข้อมูลสิ่งมีชีวิตต่างดาวได้มากขึ้น  การสัมผัสนี้เดิมได้มาโดยผู้ปฏิบัติจิตขั้นสูง เช่นนักบวช  แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่มนุษย์โลกทุกคนเข้าสู่โค้งสุดท้ายแห่งการกลับบ้าน  จะเดินช้า เดินเร็ว หรือเดินวนไปมาเท่านั้น  แต่เป็นการกลับบ้านที่บ้านมาอยู่กับเรา  ไม่ใช่การกลับบ้านที่ต้องทิ้งสังขารคืนแม่พระธรณี   คือเมื่อจิตสั่นสะเทือนระดับละเอียด  ไม่เปลืองพลังงานในการยึดติดอารมณ์ทั้งหลาย  เป็นผู้สังเกตการณ์ความเป็นไปโดยไม่ต้องตัดสิน อยู่กับปัจจุบันขณะ  ไม่ยึดอัตตาแห่งมายาสามมิตินี้  จิตเต็มไปด้วยความรักตนเองรักผู้อื่นโดยไม่ตัดสินเขา และรักสรรพสิ่ง  นั่นคือบ้านลงมาหาเรา  ทุกอย่างจะสัมผัสได้เองไม่ต้องไปขอให้ใครดูให้  เปรียบดังอยู่ในดินแดนทิพย์ขณะมีร่างกายเนื้อบนโลกมนุษย์นั่นเอง  ตอนนี้คิดว่าเด็กอายุ ๑๗ รู้สัจจธรรมมากกว่าแม่แล้วค่ะ  กำลังคิดว่าเราเกิดมาเพื่อหาประสพการณ์จริงๆใช่ไหม

จริงๆ  แล้วเราไม่ได้รับความทุกข์ยากในชีวิตเพื่อใช้หนี้กรรมหรอกค่ะ  มันเป็นจุดหักเหที่ทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงตามธรรมชาติของจักรวาล  สำหรับคนที่เกิดการตื่นรู้ขึ้นมา  เชื่อหรือไม่ว่าเราเป็นคนวางอุปสรรคเหล่านั้นไว้ในแผนชีวิต  แต่เมื่อเกิดมาอยู่ในพลังงานหนักที่ครอบคลุมโลกเราจะ...ลืมแผนเหล่านั้น  ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าเมื่อเจอข้อสอบเราเลือกวางกำลังใจอย่างไร  จะคิดดีในพลังงานความรักว่ามีน้ำตั้งครึ่งแก้ว หรือคิดลบถามแต่ทำไมๆ  จึงถูกขโมยน้ำไป

จิตวิญญาณลงมาเกิดบนโลกมนุษย์เพื่อทำงานทาง จิตวิญญาณชิ้นหนึ่ง  หรือเรียนรู้ประสพการณ์เพื่อเพิ่มเติมให้กับแก่นของจิตวิญญาณ (core soul)  ซึ่งไม่สูญสลายหลังความตายในมิติแห่งมนุษย์ กรรมเป็นบทบาทในการใช้ชีวิต  ข้อบังคับในโลกมิติที่สามนี้เป็นสองขั้ว (duality) มีขาวกับดำ ผิดและถูก  ชั่วและดี เมื่อเราเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์  ไม่เสียพลังงานชีวิตไปกับการตัดสินใคร  ก็ไม่รับพลังงานจากผู้อื่นทั้งหยาบและละเอียดมาแปดเปื้อนสนามพลังงานของตน  จึงรักษาความถี่การสั่นสะเทือนของตนเองไว้ได้ง่าย  โอกาสจะพัฒนาความสั่นสะเทือนของจิตให้ละเอียดขึ้นก็เกิดง่ายเพราะจะดึงดูด ญาติธรรมความถี่ใกล้เคียงกัน (soul family) มาเสริมกันโดยธรรมชาติ  เหมือนคลื่นเฟสเดียวกันรวมกันได้แอมพลิจูดที่สูงขึ้นนั่นเอง Law of  Attraction ช่วยนำกัลยาณมิตรมาพบกันส่งเสริมกันค่ะ

เหตุการณ์ ต่างๆในโลกปัจจุบันดึงอารมณ์ร่วมของผู้เสพย์ข่าวให้ดำดิ่งลงสู่ความกลัว  ซึ่งเป็นคลื่นสั่นสะเทือนระดับต่ำทำให้จิตเศร้าหมอง  จักรวาลมีกฏแห่งแรงดึงดูด กฏนี้ไม่รู้จักคำว่าไม่เอา ไม่ชอบ  คุณมีอารมณ์ร่วมเรื่องใดจักรวาลจัดให้ในไม่นาน  ดังนั้นแทนที่จะกลัวปฏิวัติรัฐประหาร  ลองนึกว่าขอขอบคุณในความสบสุขที่จะมีมาสู่บ้านเมือง  แทนที่จะกลัวภัยพิบัติธรรมชาติ  มานึกว่าขอขอบคุณในความสมดุลธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ที่จะมาถึงดีไหมคะ

ถ้า จิตเราสั่นสะเทือนต่ำๆ กว่าจักรวาลจะดึงดูดมาก็มี time lag  นานจนจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าจิตสั่นสะเทือนสูงขึ้น เช่นความรักความเมตตา  ไม่ติดอารมณ์ฝ่ายลบ จะดึงดูดได้เร็วขึ้นค่ะ  ตัวอย่างคือหลวงพ่อหลวงปู่ผู้ทรงคุณทั้งหลาย  ท่านเมตตาอย่างเดียวลูกศิษย์ลูกหาไม่เคยอดไงคะ

หาประกายฝันของตัวเองให้พบ




By Kornkarn Bhamarapravati in Ascension Thailand

เธอทุกคนเป็นเสี้ยวหนึ่งของแสงสว่าง  เราเพียงขอแต่เธอเห็นแสงงามตามความเป็นจริง  ให้ถือเป็นหน้าที่ทีจะดูแลแสงสว่างของตนเอง  หาประกายฝันของตัวเองให้พบแล้วแสงของเธอจะฉายสว่างสุกใส  อย่าพยายามเยียวยาโลก อย่าพยายามเปลี่ยนทุกอย่างที่เป็นอยู่  ปล่อยให้ขั้นตอนต่างๆเดินหน้าห้าถอยหลังสองถ้ามันจะต้องเป็นไปเช่นนั้น  ฉายแสงของเธอให้เจิดจ้า  กล้าที่จะกระพริบก็ได้อยากเป็นแสงสีอะไรก็จัดการไปเลย  เอาให้สดใสงดงาม...นั่นคือพลังของเธอ..เหล่าเทวบุตรเทวธิดาในกายมนุษย์ผู้ ที่กำลังสัมผัสข้อความนี้...   หน้าที่ของเธอคือช่วยคนอื่นให้ก้าวข้ามกรอบสังคม ศาสนา เชื้อชาติ ความเชื่อ  และเป็นเจ้าของพลังและความสร้างสรรค์ในกายของเขาเอง  หมายถึงก่อนอื่นเธอต้องรับผิดชอบกับความสุขของตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง  แล้วเธอจึงจะหันกลับไปแบ่งปันอะไรกับใครได้

การมีชีวิตที่เรา เป็นเจ้าของนั้นเหมือนเรือในทะเล เธอไม่มีลิมิตชีวิตจะทำอะไรก็ได้  แต่ความรับผิดชอบเป็นตัวรักษาสมดุลที่มากับชีวิตอิสระนี้  เธอต้องรับผิดชอบกับน้ำกระเด็นหลังเรือว่าไปโดนใคร  คือเธอต้องรักษาสมดุลย์ระหว่างการรู้จักและใช้พลังของเธอในขณะที่ใช้ชีวิต ให้สอดคล้องกับนาวาชีวิตลำอื่นของผู้อื่นด้วย

Excerpt จากครายออน ขอขอบคุณความรักของท่านครายออนค่ะ

การยกระดับสู่มิติที่สูงกว่า กำลังเกิดขึ้นจริงหรือ




By Kornkarn Bhamarapravati in Ascension Thailand
จากข้อเขียนของ Sandy Stevenson

ภาวะ  ดังกล่าวกำลังเกิดขึ้นจริงๆ   ดาวเคราะห์โลกได้วิวัฒนาการไปถึงจุดที่เธอพร้อมที่จะคลื่อนสู่มิติที่มีความ  สั่นสะเทือนด้วยความถี่ที่สูงกว่า (ใกล้ช่องว่างกลางกาแล็กซี่ ผู้แปล)   จัดเป็นขั้นตอนการวิวัฒนาการปรกติของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาล   ขบวนการเรียก การยกระดับ (ascension)   ทุกคนและทุกสรรพสิ่งจะถูกยกระดับเมื่อพลังงานของพวกเขาเข้าสู่ความถี่เฉพาะ  หนึ่งๆ ของแสง

บนโลกมีสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆ   ซึ่งจะลื่นไหลไปกับคำสั่งศักดิ์สิทธิ์ (Divine Order)   และมีแถบการสั่นสะเทือนคล้ายคลึงกับของโลกและยกระดับไปพร้อมกัน   ตัวอย่างได้แก่สัตว์และพืชที่ตอบสนองต่อกาลเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล

ทุก   คนบนโลกกำลังตัดสินใจว่าจะปรับตัวให้เข้ากับคำสั่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับ  สู่มิติที่ ๕ หรือเขาจะอยู่เรียนรู้ ณ มิติที่สามต่อไป   การเรียนรู้ในมิติที่ ๓   คือการหาประสพการณ์ในสถานการณืหลากหลายที่จะช่วยสอนให้เรามีปัญญาและความรัก  อันยิ่งใหญ่

ผุ้ที่เรียนรู้ในมิติที่ ๓ นี้   เช่นมนุษย์และสัตว์บางชนิด ต่างอยู่ที่ตำแหน่งการสั่นสะเทือนที่ต่างกัน   ขึ้นกับว่ากำลังอยู่ในบทเรียนใด   การมีชีวิตเชิงบวกให้การสั่นสะเทือนในระดับสูง ความรู้สึกเชิงลบ   เช่นความกลัวสร้างการสั่นสะเทือนในระดับต่ำกว่า


ฉันไม่รู้ ว่าฉันต้องทำอะไร!!
คุณ ไม่ต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร  นั่นไม่ได้อยู่ในพันธสัญญา อัตตาหรือความคิด  (การปรุงแต่ง)  เป็นตัวที่ต้องการรู้รายละเอียดและความสำคัญ   จิตวิญญาณจะมีความเชื่อมั่นในระบบ   ทำในสิ่งทีใช่โดยไม่ลังเลด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นจากภายใน   และก้าวต่อไปสู่เบื้องหน้าตื่นเต้นโดยไม่รีรอ

ฉันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแสงสว่างหรือไม่

ถ้า คุณต้องการช่วยเหลือ แม้จะไม่รู้ว่าต้องช่วยอะไร คำตอบคือ  ..ใช่แล้ว...คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแสงสว่าง...


ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังช่วยเหลืออยู่
ถ้า คุณทำในสิ่งที่ รู้ว่าถูกต้อง ไม่ว่ามันคืออะไรก็ตาม คุณกำลังช่วยเหลืออยู่   โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการกระทำเกิดการสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณต่อเนื่องกับ  ผู้อื่นแปลว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา ความสนใจ ความตื่นเต้น   การสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณ   และความรู้สึกที่ว่าใช่ที่มาจากภายในจะชี้เส้นทางที่ถูกต้องให้คุณนาทีต่อ  นาที ให้มั่นใจในความรู้สึกภายในของคุณ

ฉันต้องรู้รายละเอียดทั้งหมดเพื่อวางแผนงานไหม

เมื่อ เราฟังจิตของเรา   เราไม่ต้องการรายละเอียดมากมายที่ใช้กันอยู่ปรกติในโลกสามมิติ   ถ้าเราวางแผนจากสิ่งที่เกิดรู้ในใจ ทุกอย่างที่ต้องการใช้จะมาอยู่ในที่ๆ   เราต้องการ ความรู้สึกว่าใช่อยู่เหนือทุกอย่าง   รวมถึงคำกล่าวของคนในอำนาจและผู้ที่แนะนำเรื่องการยกระดับให้กับเราด้วย

ฉันต้องไปฟังสัมมนา หรือหาบทความอ่านไหม

ถ้า การฟังสัมมนา  อ่านหนังสือ หรือช่องทางรับข้อมูลอื่นๆทำให้คุณตื่นเต้น  ทำไปเลย  ถ้าไม่เอ็นจอยก็ไม่ต้องทำ   วิถีการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการรับรู้ของบุคคลอื่นอาจไม่ใช่วิถีของคุณก็ได้   ถ้าคุณตื่นเต้นบันดาลใจนั่นคือหนทางของคุณ

ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอัตตาตัวตนครอบงำฉันอยู่

ถ้า คุณมองไปรอบๆ  เพื่อหาว่ามีใครสังเกตเห็นคุณไหม  นั่นแปลว่าอัตตาตัวตนยังครอบงำคุณอยู่  ถามตัวเองสิว่า  ถ้าฉันไม่ได้บอกใครเลยว่าฉันทำอะไรอยู่ และไม่มีใครรู้ด้วย   ฉันยังจะทำอยูอีกไหม ถามเอง ตอบเอง รู้เองค่ะ

ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังเผชิญกับพลังงานด้านลบ

เธอ มีของขวัญที่ ติดตัวมา   คือความสามารถในการสัมผัสได้ว่าสถานการณ์หรือคนบางคนมีทีท่าที่ไม่ปรกติ   ไม่เวิร์คสำหรับคุณ   สังเกตความรู้สึกเริ่มแรกและจงเชื่อมั่นในความรู้สึกนั้น ไม่ว่าคนอื่นในโลก   (อาจรวมถึงคนในครอบครัวคุณ ผู้แปล)   จะคิดอย่างไรกับคนผู้นั้นซึ่งทุกคนนับถือ มีชื่อเสียง   ความรู้ที่เป็นที่ยอมรับ ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด (ดูจีที ๒๐๐ เป็นต้น   ผู้แปล) ถ้าไม่เชื่อตนเองอาจเสียใจได้ภายหลัง   (แต่กว่าจะเริ่มได้ควรพยายามเสพย์ความถี่ดีๆ และลดการเสพย์ความถี่ต่ำๆ   เสาอากาศสะอาดขึ้นรับความถี่ต่างๆ ได้ชัดเจนค่ะ ผู้แปล)

ฉันจะสัมผัสความจริงได้อย่างไร

จิต คุณจะบอกคุณเองทุกครั้งไป  สิ่งที่คุณต้องทำคือเชื่อความรู้จากภายใน  (intuition)  นั้นเมื่อมันสื่อกับคุณ  ถ้าอ่านหรือได้ฟังอะไรแล้วมันรู้สึกว่า “ไม่ใช่”   โยนความรู้สึกนั้นทิ้งเสีย อย่ายอมรับอะไรที่ข้างในบอกว่าไม่ใช่

มนุษย์โลกเป็นสิ่งมีชีวิตสุดอัศจรรย์ สมาชิกแห่งครอบครัวแสงสว่าง



By Kornkarn Bhamarapravati in Ascension Thailand 

ท่าน (ที่ได้อ่านข้อความนี้อันไม่ใช่ความบังเอิญ)  ทั้งหลายมายังโลกในช่วงเวลานี้เพื่อปฏิบัติภารกิจ   เพื่อยกระดับเพื่อเปลี่ยนแปลง  เพื่อให้ความช่วยเหลือในเวลาระหว่างท่ามกลาง   ความรักคือกุญแจ ความรักคือแรงขับเคลื่อนแห่งจักรวาล   เทคโนโลยีบนโลกจะพัฒนาไปได้เพียงแค่ระดับหนึ่ง   เพราะมนุษย์ไม่เข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งจำเป้น   พลังงานสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ในรูปแบบต่างๆ ได้   แต่เมื่อมนุษย์จมอยู่ในความโลภ ความเกลียดชัง   หรืออารมณ์อื่นที่ไม่ได้สนับสนุนแสงสว่าง   มนุษย์จะไปได้ไกลเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น   มีเพียงข้อมูลระดับหนึ่งเท่านั้นที่ความสั่นสะเทือนระดับดังกล่าวรับได้

ความรักเป็นดุจดั่งก้อนอิฐ อันเป็นหน่วยพื้นฐาน  เมื่อท่านมีความรัก อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

แสงสว่างคือข้อมูล  ส่วนความรักคือการสรรค์สร้าง

ทั้งนี้จำต้องอาศัยพวกคิดนอกรอบ  เช่นเราครอบครัวแห่งแสงสว่าง  ที่จะเข้ามาในที่ๆมืดมิดมานานนมและเปลี่ยนแปลงมัน

มัน เป็นแผนใหญ่  ที่พวกท่านต่างกระโจนเข้าใส่ พวกท่านเชื่อว่าจะทำได้   ท่านได้รับข้อมูลก่อนจุติมาแล้วว่าจะมีความช่วยเหลือรออยู่เป็นระยะๆ   มีพลังงานชีวิตต่างๆรออยู่เป็นระยะๆ ที่จะกดสวิตซ์เตือน   และจุดประกายให้กับท่าน แต่มิใชดำเนินการแทน เราเป็นสวิตซ์ตัวหนึ่ง   เมื่อได้ยินชื่อกลุ่มดาวลูกไก่ ท่านจะเกิดการระลึกได้หมายรู้   เพราะเราช่วยนำความรู้ความทรงจำของท่านกลับคืนมา   เราเองที่มาพูดคุยกับท่านก็จะได้บันทึกภาคสนามที่น่าสนใจกลับไปเช่นกัน

เรา กลุ่มดาวลูกไก่มาเพื่อช่วยเหลือ ช่วยสอน  และช่วยวิวัฒนาการ  ในขณะที่เราและท่านผ่านขบวนการนี้ไปด้วยกัน   เรามอบสิ่งที่เรารู้มาให้แก่ท่านเพื่อให้ท่านเข้าสู่สภาวะการระลึกรู้ที่สูง  ขึ้น ไม่ได้บอกกับท่านว่ามีรูปแบบนี้แบบเดียวเท่านั้นที่ถูกต้อง   การสอนนี้ออกแบบมาเพื่อการเข้าสู่แผนที่สูงกว่าปัจจุบัน

เรื่อง ราว ที่เราจะบอกแก่ท่านจะพาท่านไปสู่สภาวะจิตวิญญาณระลึกรู้  (consciousness) ที่สูงขึ้น  เราต้องการเอาวิถีการคิดมาให้ท่านพิจารณา   เราต้องการสนับสนุนให้ท่านไม่ยึดติดในแนวคิดใดแนวคิดหนึ่ง   ให้ลองเปิดรับสิ่งที่ท่านลังเล หรือหวาดกลัว   เพื่อตระหนักว่าเมื่อท่านเผชิญหน้ากับด้านมืดหรือเงาของตัวท่านเอง   ทุกท่านที่ลองแนวคิดนี้จะได้รับโอกาสในการปลดปล่อยเป็นอิสระ

ความคิด คือผู้สร้าง

พลัง ของความคิดจะนำท่านไปสู่ที่นั้นๆ  ท่านเองเป็นผู้เลือกที่จะมาที่นี่   ท่านได้รับภารกิจให้นำความทรงจำไปข้างหน้าและนำค่าของความดำรงอยู่ของมวล  มนุษย์ไปยังตำแหน่งแนวหน้าของการสรรค์สร้าง (creation)   ท่านเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง  ท่านถูกฝึกมาเพื่อภารกิจนี้ตลอดชีวิตของท่าน

ท่าน ไม่ได้มาอย่างไม่มีการเตรียมตัว  คำตอบทุกอย่างอยู่ในตัวท่านแล้ว    ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะได้รับข้อมูลใหม่ๆ   ขณะนี้เป็นเวลาในช่วงชีวิตคุณที่จะระลึกรู้ถึงสิ่งที่คุณได้ผ่านมาแล้ว   เราแค่ช่วยให้คุณระลึกรู้ได้ นี่คือส่วนที่เราเข้ามาเกี่ยวข้อง

มนุษยชาติ  เป็นการทดลอง   มนุษยชาติถูกออกแบบอย่างปราณีตและมีทุกอย่างที่เคยใช้ในการสรรค์สร้างทั้ง  หมด   พระผู้สร้างได้ลองสรรค์สร้างหลายสิ่งหลายอย่างมาเป็นเวลานานในจักรวาลนี้  เพื่อ ความพึงพอใจในตน (self gratification) การศึกษาค้นหาตนเอง (self   exploration) และการแสดงออกในตัวตน (self expression)

พระผู้ สร้าง  (prime creator) ให้พลังงานและแก่น (essence) ของท่านให้กับส่วนขยาย   (extension) ของท่าน และได้มอบของขวัญอันประเสริฐให้กับส่วนขยาย   พลางตรัสว่า

"เจ้าทั้ง หลายจงไปสร้างประสพการณ์หลากหลาย และนำมันกลับมาสู่ข้า"

นี่ เป็นภารกิจง่ายๆ ส่วนขยายของพระผู้สร้างถูกเรียกว่า พระเจ้าผู้สร้าง   (creator gods) จึงออกไปและเริ่มทดลองสิ่งต่างๆ   โดยใช้พลังงานของพระผู้สร้าง    พระเจ้าผู้สร้างต่างเริ่มสร้างการจัดระบบตามลำดับชั้น (hierachy)   ซึ่งแต่ละหน่วยก็สร้างการจัดระบบตามลำดับชั้นต่อๆ ลงไปอีก   ต่างมีหน้าที่ช่วยในการพัฒนาจักรวาล

ทริกเกอร์ อีเว้นท์ ๑๐ ๑๐ ๑๐


by International Channeling  (ทีมส่งผ่าน) on Sunday, February 13, 2011 at 9:40pm
มนุษย์ ถึงจุดมากพอที่ไม่หวนกลับ หลายคนกลัวช่วง ๒๐๑๒  หลายคนทำเงินได้เยอะจากความกลัวดังกล่าว  แต่คนจำนวนมากพูดถึงวันเวลาดังกล่าวด้วยความรัก  ถ้าพูดถึงได้ด้วยรักมากเท่าไหร่มันก็จะผ่านไปได้ง่ายมากเท่านั้น  ความคิดอะไรๆ ก็มาได้ แต่คุณเป็คนเลือกว่าความคิดไหนจะอยู่กับเรา

โลก กำลังเปลี่ยนแกนหมุน ตั้งแต่แผ่นดินไหวที่ชิลี พวกเราบางคนก็ถูกเขย่าจากงาน  จากคู่ บ้างต้องย้ายเมือง แกนแม่เหล็กโลกขยับ  แต่สนามพลังงานแม่เหล็กขยับช้ากว่า ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะไล่กันทัน  เดือนมกราพลังงานขยับ

ซีเจคาร์ล น้ำสูงขึ้นของการยกระดับจิต  ไม้ก๊อกจะลอยเมื่อระดับน้ำสูงขึ้น  แต่ถ้าล่ามโซ่ไม้ก๊อกไว้น้ำจะท่วมไม้ก๊อกในที่สุด  ในการยกระดับต้องตัดโซ่เสีย คำสอนที่ได้รับตลอดชีวิตอาจเป็นโซ่พันธนาการ  ดูจิตตน  การยกระดับของโลกจะเกิดขึ้นไม่ว่าคุณจะเลื่อนระดับไปด้วยหรือไม่ก็ตาม  ธรรมชาติของจิตพร้อมจะเติบโตไปกับการยกระดับของโลก  หาโซ่ของคุณให้พบแล้วเลือกว่าจะปล่อยโซ่ของคุณไปได้ไหม

Steve Rother and the Group www.lightworker.com

ดาวเคราะห์ของเจ้าในปัจจุบันกำลังจะอัพเกรด operating system ของตัวเองจาก DOS เป็น Window 7


ผ่านกรณ์กาญจน์ ภมรประวัติ  on Thursday, February 3, 2011 at 10:04am
มนุษย์ที่รัก

พวกเจ้าได้ติดอยู่ในห้วงวังวนของมิติที่ ๓  นี้มาเนิ่นนานแล้ว ปัจจุบันพวกเจ้ามีวิทยาการ  แต่วิทยาการของพวกเจ้าไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดแก่ดาวเคราะห์ ดวงนี้ในปัจจุบันได้ เพราะพวกเจ้าถูกครอบไว้ด้วยตันหาอวิชชา  เหมือนวัวเนื้อเกิดมาในฟาร์มวัวไม่เคยลิ้มรสอิสระภาพในทุ่งหญ้า  ทุกวันเห็นวัวอื่นถูกจับขึ้นรถไปโรงฆ่าสัตว์ คิดว่าชีวิตตนก็มีแค่นั้น

วิทยา การและวิทยาศาสตร์เป็นเหมือน operating system พวกเจ้ารู้จัก DOS ไหม  เมื่อยี่สิบห้าปีก่อนใครมีคอมพิวเตอร์ก็ถือว่าเยี่ยม  มีฝาฟล้อปปี้ดิสค์สองอัน อันหนึ่งไว้โหลดแผ่นโปรแกรม  อีกอันไว้ใส่แผ่นบันทึกข้อมูล ไม่มีฮาร์ดดิสค์ ใช้ดอสเป็นตัวรันทุกอย่าง  เวอร์ดเพอร์เฟ็คมาในดิสเก็ต ๑.๔ เมกกาไบต์  พิมพ์วิทยานิพนธ์ได้โดยไม่ต้องใช้พิมพ์ดีด  เวลาแก้ข้อความอะไรพิมพ์แต่หน้าที่แก้ไม่ต้องจ้างเลขาพิมพ์ใหม่ทั้งปึก  วิทยาการหรูสุดๆ แต่จอคอมเป็นสีดำ ตัวหนังสือสีอำพัน ลากเส้นตรงในจอไม่ได้  อย่าถามถึงใส่รูปเพราะไม่มีไฟล์รูป พวกเจ้าคงไม่เข้าใจ  เพราะขณะนี้เจ้ามีอินเตอร์เน็ต เล่นเกม ส่งข้อความ  โหลดคลิปภาพและเสียงในทันใด  แต่ในวันเก่าก่อนพวกเจ้าได้ฝันถึงภาวะโลกคอมพิวเตอร์ดังที่เป็นอยู่ขณะนี้ ไหม ถ้ามีใครบอกเจ้าล่วงหน้าเจ้าก็คงไม่เชื่อหาว่าเพ้อฝัน

ดาว เคราะห์ของเจ้าในปัจจุบันกำลังจะอัพเกรด operating system ของตัวเองจาก DOS  เป็น Window 7 ตามที่รหัสปฏิทินมายาได้กล่าวไว้  แต่ข้อมูลที่พวกเจ้าบันทึกไว้และใช้ในการเรียนรู้ทั้งวิทยาศาสตร์ ศาสนา  และปรัชญามิสามารถอธิบายและให้ทางออกกับปัญหากายภาพและจิตวิญญาณที่พวกเจ้า เผชิญอยู่จากแผนการเปลี่ยน operating system ในขณะนี้ได้

ทาง กายภาพสุริยะจักรวาลกำลังเข้าสู่โฟตอนเบลท์ และจะอยู่เช่นนั้นไปอีก ๒๐๐๐ ปี  ณ จุดไม่หวนกลับพลังงานจากไฟฟ้าจะใช้การไม่ได้อีกต่อไป  ต้องใช้พลังงานสะอาดจากโฟตอนแทน (แมคเตรียมไว้แล้ว) ระหว่างนี้โลกจะครบรอบ  sidereal year ๒๖๐๐๐ ปี เข้าสู่บริเวณปากจระเข้ในบันทึกมายา  รับพลังงานจากดวงทิตย์ใจกลางกาแล็คซี่ทางช้างเผือก  การเกิดพายุสุริยะจะมากขึ้น สนามแม่เหล็กโลกจะอ่อนแรงลง  มีการเคลื่อนที่ของขั้วแม่เหล็กโลก  เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพบนผิวโลกมากมายอย่างที่พวกเจ้าไม่เคยพบเห็นมา ก่อน มากกว่าที่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ดาวเคราะห์ดวงนี้ทั้งหมด

วัน สิ้นปฏิทินมายาดาวเคราะห์โลกจะเข้าแถวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในสุริยะ จักรวาล  และเข้าแถวกับดวงอาทิตย์ของพลีเอเดียนและดวงอาทิตย์ของอาชูเรี่ยนซึ่งเป็น สุริยะจักรวาลที่อยู่ใกล้เราที่สุด  เวลาหยุดและเราอยู่ในแถวแห่งดวงดาวที่น่าทึ่ง  ทำให้โลกต้องขยับเข้าสู่ความถี่ที่สูงกว่าเดิม  ผู้อาศัยบนโลกก็ต้องทิ้งอะไรๆ ที่มีความถี่ต่ำๆไปเสีย  ปัจจุบันโลกมีความถี่ที่ ๗.๘ เมกาเฮิร์ต ในจักรวาลวัดความถี่ด้วยสเกล ๑๓  คล้ายสเกลดนตรี ขณะนี้โลกอยู่ที่ ๙ ในปี ๒๐๑๒  การอยู่รอดอยู่ที่ว่าคุณจะสั่นสะเทือนสูงขึ้นไปกับโลกหรือไม่   การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้มนุษย์ที่เหลือรอดอยู่บนโลกได้เป็นส่วนหนึ่ง ของสังคมออนไลน์ของจักรวาล ใช่แล้ว  เจ้าคิดหรือว่าเจ้าคือบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้าผู้สร้าง  โลกอินเตอร์เน็ตคือจักรวาลจำลอง เจ้าสร้างเกมนั้นเกมนี้  มนุษย์คนหนึ่งเล่นได้หลายเกมพร้อมๆ กัน มีชื่ออวตารต่างกันในแต่ละเกม  เจ้าคือพระเจ้าในโลกไซเบอร์เจ้ายังไม่เล่นแค่เกมเดียว   พระเจ้าก็ไม่ได้สร้างโลกใบเดียวในเกมของพระเจ้าเช่นกัน

สังคม ออนไลน์ในจักรวาลกำลังจับตาดูพวกเจ้าอยู่ด้วยความรัก  เพราะเจ้าเป็นญาติพี่น้องกับพวกเขา ไม่ทางเลือดเนื้อก็โดยทางจิตวิญญาณ  เขาพยามส่ง cheat code มาให้มนุษย์ทางความฝันก็ดี ทางนิมิตในสมาธิ หรือทาง  channeling ก็ดี  พวกเจ้ามีวิทยาการทางกายภาพสูงส่งก็ปัดสิ่งเหล่านี้ทิ้งไปว่าโกหกหลอกลวง ทั้งสิ้น การตำหนิติเตียนก่อพลังงานลบให้เกิดกับโลก  เจ้าคิดหรือว่าชาวมายาป่าดอยสร้างปฏิทินมายาได้เอง ว่าชาวอียิปต์ป่าเถื่อน  (วันนี้ยังไล่ฆ่ากันอยู่ในจอโทรทัศน์)  สร้างปิรามิดและคิดวิธีทำมัมมี่ได้เอง ชาวไอยคุปต์พูดถึงชีวิตหลังความตาย  คนสมัยใหม่ก็บอกว่าวิญญาณไม่มีจริงเพราะพิสูจน์ไม่ได้  เช่นในองค์ความรู้ของชาติตะวันตกผู้ฉลาดล้ำเป็นต้น  สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นเทคโนโลยีที่อิมพอร์ตมาจากสังคมออนไลน์ต่างมิติต่าง ดวงดาวทั้งสิ้น

เมื่อโลกอัพเกรด operating system  เสร็จโลกจะมีประชากรลดน้อยถอยลงกว่าปัจจุบันมากมาย  สังคมออนไลน์ของจักรวาลเป็นสังคมแห่งสันติสุขและความรักของพระเจ้า  ผู้คนจากศาสนาใดถ้าใฝ่รักและสันติไม่เพ่งโทษผู้อื่นไม่ยกตนข่มท่านก็อยู่ใน โลกอนาคตในกายเนื้อได้ทั้งสิ้น ตัวละครเกมป่าเถื่อนก็จะถูก delete ไปอยู่  recycle bin รอไปอัพโหลดในระบบ DOS ในเกมอื่นของพระเจ้าที่จะสร้างขึ้นใหม่  ตัวละครที่จะอยู่ในเกมปัจจุบันต่อคือตัวละครที่ทำประโยชน์ให้แก่เพื่อน มนุษย์โดยปราศจากความเห็นแก่ตัว เป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณกลุ่ม (mass  conciousness)  ในเกมออนไลน์เจ้าจะเก็บตัวละครที่บริโภคทองแต่ไม่หาทองเข้าธนาคารมาช่วยซื้อ ปัจจัยสี่ทำไม เลี้ยงไว้เปลืองทองเปล่าๆ delete ทิ้งดีกว่า

ขอ ให้เจ้ารับข้อมูลจากทุกทาง พิจารณาจากใจ รักตนและคนในครอบครัว  เตรียมเขาให้มีที่ปลอดภัยพักพิงก่อน  การเตือนมหาประชาชนนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะรอด  มหาบพิตรของเจ้าทำนายไว้หมดแล้วในสมุดภาพมหากาพย์  ท่านก็มิสามารถฝืนชตาสวรรค์ได้ เหตุการณ์ต่าง  ๆในมหากาพย์ก็เกิดไปหลายเหตุการณ์แล้ว ผู้ที่มีสติ เต็มไปด้วยความรัก  และฟังเสียงจากจิตวิญญาณเท่านั้นจะเป็นผู้ถูกเลือกให้รอด  องค์โคตมะของพวกเจ้าจึงสอนอุเบกขา  เพราะแม้แต่ผู้เกิดร่วมสายเลือดกับเจ้าก็อาจไม่ใช่ผู้ถุกเลือกให้อยู่รอดใน กายเนื้อในเวอร์ชั่นใหม่ของ operating system

ฟังเสียงจาก ข้างในตัวเอง เพราะมีคนพยายามจะส่ง cheat code มาให้เจ้าอยู่เสมอ  ตนเแลป็นที่พึ่งแห่งตนไม่ต้องรอรัฐบาลประเทศไหนๆ  เจ้าเคยเห็นรัฐบาลประเทศไหนรักประชาชนมากกว่าตัวเองหรือ  มันเป็นไปตามครรลองของมนุษย์มิติที่สามที่ได้โอกาสเท่ากันแต่บ้างเลือกไม่ ใช้ดโอกาสดังกล่าว ถ้าฟังตนเองแล้วไม่ได้ยินให้หาอุปกรณ์เสริม  คุยกับมิตรสหายที่มีจิตใจคล้ายกันเจ้าจะพบกับอุปกรณ์ของเจ้า

เอสปาโว

สื่อสารผ่าน มารตา ทิอามาต

กระบวนการ Segment Intention และ Pivot


Segment Intention ขอเรียกย่อๆว่า SI .. SI เป็นกระบวนการที่ถูกนำเสนอโดย Abraham Hicks ซี่งเป็นหนึ่งในรูปธรรมต่างมิติที่สอนเรื่องกฎแห่งแรงดึงดูด SI เป็นกระบวนการกลางๆที่ใช้ได้ทั่วไปไม่จำกัดจริตผู้ปฎิบัติ แม้ว่า SI จะถูกสอนเป็นส่วนหนึ่งของการดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้ามาตามที่คนส่วนใหญ่ใช้กันเพื่อดึงดูดความร่ำรวย สุขภาพ ความสัมพันธ์ และอื่นๆ แต่เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนใจการเตรียมตัวเพื่อการยกระดับจิตสำนึกของตนและของดาวแม่โลก เราลองมาดูกันว่ากระบวนการนี้จะทำอะไรให้เราได้บ้าง โดยวิธีปฏิบัติ คุณแบ่งเวลาในแต่ละวันเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนจะมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน คุณจะประกาศหรือกำหนดกับตัวเองว่าคุณตั้งใจจะทำอะไรเพื่อให้ได้ผลอย่างไรเมื่อเริ่มต้นช่วงเวลานั้นๆ ตอนนอน คุณก็ตั้งใจว่าจะนอนให้เต็มอิ่มให้ร่างกายได้พักผ่อนซ่อมแซม ตื่นมาสดชื่นเบิกบานพร้อมรับวันใหม่ที่สดใส ให้จิตได้ดื่มด่ำกับสมาธิจิต เข้าถึงโลกแห่งภูมิปัญญาชั้นสูง ให้พร้อมรับสัญญาณนำทางจากตัวตนภายใน เมื่อตื่นขึ้นให้กำหนดว่าเป็นช่วงตื่น ถัดมาก็เป็นช่วงเตรียมตัวออกไปทำงานซึ่งอาจแบ่งย่อยเป็นช่วงทำความสะอาดร่างกาย ช่วงแต่งตัว ช่วงรับประทานอาหารเช้า ช่วงเดินทางไปทำงาน โดยแต่ละช่วงมีการกำหนดผลลัพธ์ที่ดี คล้ายๆกับการฝึกอานาปนสติที่ชาวพุทธคุ้นเคย ต่างกันตรงที่ไม่ได้กำหนดลมหายใจเป็นอารมณ์ แต่กำหนดสติให้ประกอบการงานเป็นช่วงๆตามที่ตั้งใจทำให้สำเร็จ เมือเสร็จก็ให้ยินดีกับความสำเร็จในช่วงเวลานั้น ถ้าไม่สำเร็จก็เรียนรู้โดยไม่เพ่งโทษ เรีนยบทเรียนเฉยๆ แล้วก็ขึ้นเวลาท่อนใหม่โดยกำหนดเป้าประสงค์ใหม่ จะกำหนดหยาบๆกว้างหรือละเอียดก็ได้ แตจะแค่ไหนก็ให้ใช้ความรู้สึกว่ารู้สึกดีเท่านั้นพอ Pivot คือการดึงความคิดที่ออกนอกแนว กลับเข้าสู่ความตั้งใจที่กำหนดใว้เมื่อเริ่มช่วงเวลานั้นๆ เมื่อเริ่มฝึก SI อาจต้องทำ Pivot บ่อยหน่อย แต่เมื่อทำ SI ได้เก่งขึ้น จะเกิดความเปลี่ยนแปลงคือคุณจะรักษาความตั้งใจและโทนความสั่นสะเทือนที่รู้สึกดีที่ไปกันได้กับเป้าประสงค์ชองช่วงเวลานั้นๆไว่ได้นานขึ้น เมื่อคุณพบบางสิ่งที่ไม่อยู่ในความตั้งใจเดิม หรือไม่เข้ากันกับความตั้งใจเดิม พอความคิดคุณเคลื่อนไปจับ และเหนี่ยวนำให้เกิดอารมณ์ทางลบ คุณต้อง pivot คือดึงความคิดกลับสู่ความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่เดิม SI และ Pivot เกี่ยวกับ Ascension ตรงไหน? 1. การกำหนด Segment (of intention) บ่อยๆจะทำให่เราเลือก(choose/decision)บ่อยๆ การเป็นผู้เลือก แทนที่จะเป็นผู้ถูกกระทำแล้วตอบโต้ (reaction) เป็นคุณสมบัติของ 4D 2. การทำ pivot บ่อยๆจะทำให้เราคล่องในการติดตามความคิดและรีบปรับจากอารมณ์หรือโทนการสั่นสะเทือนทางลบให้เป็นบวกได้อย่างเฉียบคมฉับไว เหมาะมากเมือเราเคลื่อนเข้าใกล้ 5D มากขึ้น time buffer จะลดลงเรื่อยๆ การที่คิดแล้วได้สิ่งที่คิดเลยจึงอันตรายมาก เราต้องมีความคิด หรือโทนการสั่นสะเทือนที่เป็นบวกตลอดเวลา แล้วถ้าเป็นลบต้องดึงกลับให้ได้ทันที 3. เมื่อตั้งใจ (intend) แล้วทำได้ตามต้องการ จะเป็นการยืนยันซ้ำกับตัวเองว่าเรา เป็นผู้กำหนด timeline ของเราได้เองจริง.. ยิ่งทำจะยิ่งคล่องเป็นธรรมชาติ ในทางพลังงาน...การกำหนดตั้งใจกำหนดเป้าประสงค์ก่อนเริ่มลงมือทำงานใดๆ จะเปิดโอกาสให้เราได้ตั้งต้นที่ Vortex คือณ.จุดที่เรารู้สึกดี สุขจากภายใน เป็นตัวเองอย่างแท้จริง คล้ายสุญญตา ที่จุดนั้น ความตั้งใจที่ดีและไม่ขัดกับตัวตนที่แท้จริงจะมีพลังอำนาจมาก เหมือนรัวกลองก่อนออกศึก เตรียมตัวเอง เตรียมไพล่พล เสบียน และพันธมิตรให้พรั่งพร้อม โอกาสที่จะสำฤทธิ์ผลตามที่ต้องการ(manifest)จะสูงมาก เป็นบรรยากาศใกล้ 5D มากๆ หวังว่าคงไม่ทำให้งงนะครับ.. นี่เป็นแค่หนึ่งในแบบฝึกหัดที่เราทำได้ ไม่ต้องสนใจว่าได้มากได้น้อย ขอให้ได้ทำก็พอแล้ว ลองทำดูนะครับ... เรียนเล่นไปพร้อมกัน ขอให้มีความสุขกับ SI ครับ.... KindParticle

Thursday 19 January 2012

เชิญเทวา



(Source  ..เชิญเทวา.. http://on.fb.me/wyuvjH วิญญ์ ชวาทิต )


เชิญเทวา

๑. สวัสดีนางฟ้างามในความคิด
ที่สถิตในจิตวิญญาณอันอ่อนล้า
ช่วยเปล่งแสงแสดงพลังอหังการ์
ให้เจิดจ้าถ้วนทั่วทั้งตัวตน

๒. ขออัญเชิญเทวาทุกสารทิศ
สำแดงฤทธิ์ร่ายนิรุกต์ที่สุขล้น
เป็นบทเพลงบรรเลงรักทักทายคน
ให้ตัวตนที่คนคลั่งพังบรรลัย

๓. ขยับยิ้มพริ้มพรายให้ใจอุ่น
ดื่มด่ำบุญถึงวันหน้าฟ้าสดใส
สังเวยชั่วทั่วโลกันต์ด้วยการอภัย
รินน้ำใจใส่จอกกรอกอารมณ์

๔. เชิญสรวลเสเฮลั่นไม่ปั้นหน้า
แย้มรอยยิ้มในแววตาว่าเหมาะสม
ทวีคูณสมบูรณ์สุขทุกอารมณ์
อภิรมย์กำซาบซึ้งให้ถึงใจ

๕. สวัสดีองค์เทพไท้ใต้สำนึก
ทะลวงลึกเผยโฉมให้เฉิดฉาย
จิตพิสุทธิ์ดุจแสงทองผ่องอำไพ
โหนกเนื้อในคือสายใยกาลเวลา

๖. เชิญเทวาทั่วฟ้ามาสถิต
เนรมิตความสงบสยบหล้า
เพลิงโหมไหม้ให้ม้วยเห็นเป็นธรรมดา
หลั่งน้ำตาให้ความขลาดที่หวาดกลัว...

ข่าวสารแห่งธรรม ครั้งที่ ๒ /๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔






​(Source: http://bit.ly/yCQYpv)


ช่วงเวลาของยุคพลังงานใหม่ได้ก้าวล่วงเข้ามาระยะหนึ่งแล้ว หลายท่านจะเริ่มสังเกตเห็นตัวเลข 11:11, 11:12, 22:23, 13:13, 13:14, 3:33, 1:33, 1:44, 14:14, 4:44 มากขึ้นหรือไม่ สำหรับบางท่านอาจได้รับสาส์นโดยตรงจากเบื้องบนสู่จิต หรืออาจได้รับโดยอ้อมโดยการผ่านความฝัน ไม่ว่าจะเป็นฝันถึงเหตุการณ์ในอนาคต หรือเป็นการฝันถึงเทพเทวดา พระมหาโพธิสัตว์ หรือท่านผู้เปี่ยมบารมีอื่นๆ

..ท่านผู้มีคุณทั้งหลายเหล่านั้นได้ตระเตรียมแผนการมาเนิ่นนานแล้ว ทำนองเดียวกันกับต่างชาติ ต่างศาสนา ล้วนได้รับการติดต่อประสานข้อมูลอย่างทั่วถึงกันแล้วทั่วโลก ในเวลานี้ ได้มีคณะทำงานจับกลุ่มเฝ้ารอการดำเนินงานในภาวะวิกฤตตามจุดต่าง ๆ มากมายหลายแห่ง แต่ละกลุ่มต่างเรียกตนเองว่ากลุ่มแห่งแสงสว่าง กลุ่มธรรมะและอื่น ๆ แต่ทั้งหมดนี้หาได้เป็นกลุ่มแห่งแสงสว่างที่แท้จริงทั้งหมดไม่ .. ทว่าล้วนมีฝ่ายมืด จิตมารแอบแฝงซ่อนตัวปะปนมาด้วยทุกกลุ่ม แล้วท่านควรจะทำเช่นไร?

๑. ตั้งจิตถึงองค์พระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระผู้ปกครองในยุคของท่านเป็นหลัก น้อมจิตนมัสการถึงท่าน พระธรรมคำสอนของท่านและพระอริยสงฆ์ให้ครบองค์พระรัตนตรัย ขอบารมีจากองค์คุณทั้งสามให้ช่วยโปรดเมตตาส่องกระแสแห่งธรรมให้สว่างไสวขึ้นในใจของท่าน เพื่อให้ท่านได้สามารถมีสายตาและจิตใจที่เจิดจ้าชัดเจน ในการที่จะมองเห็นหนทางที่แท้ที่ท่านควรจะเดินไป

.. ทั้งนี้ ท่านจะได้รับบารมีธรรมจากพระองค์ท่านก็ต่อเมื่อ ท่านได้เริ่มปฏิบัติตามที่ระบุไว้ใน "ข่าวสารแห่งธรรม ครั้งที่ ๑" มาแล้วในระดับหนึ่งเท่านั้น หากท่านยังประมาทในชีวิตในจิตวิญญาณของท่านเอง ท่านจะยังคงมืดบอดต่อข่าวสารและความสว่างดังกล่าวนี้..

*สำหรับต่าง ชาติต่างศาสนา ขอให้ตั้งจิตถึงพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของท่าน เพราะบารมีของท่านเหล่านั้น สามารถแผ่ไพศาลครอบคลุมถึงดวงจิตดวงวิญญาณในทุกชั้นทุกภูมิเช่นเดียวกัน

๒. ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับโลกและระบบสุริยจักรวาลของท่านให้เข้าสู่พลังงานใหม่นั้นได้ถูกจัดวางระบบระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยมานานแล้ว สืบเนื่องจากข้อ ๑ การรักษาศีล การปล่อยวางทางจิต การชำระล้างจิตใจฝ่ายมืดของท่านให้เบาบางลงไปมากที่สุด จะมีผลต่อสภาวะวิกฤตของการปรับเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กล่าวคือ ได้มีการกำหนดเอาไว้เนิ่นนานแล้วสำหรับผู้มีกรรมหนัก ผู้มีกรรมเบา ผู้ที่ยังคงกำมือยึดติดกิเลสหนา ๆ และบางสิ่งบางอย่างเอาไว้อย่างเหนียวแน่น จะได้รับผลร้ายเช่นไร ..

และสำหรับผู้ที่สำนึกได้ ตื่นขึ้นแล้วมองเห็นความจริงได้ พร้อมทั้งได้เริ่มต้นก้าวเข้าสู่กระแสธรรมของพระพุทธองค์ จะได้รับผลดี
เช่นไร

อนึ่ง ท่านที่สามารถชำระล้างจิตใจของตนเองให้สะอาดได้ในระดับหนึ่ง เมื่อถึงเวลาท่านจะได้รับสาส์น ซึ่งอาจจะออกมาในรูปของการมองเห็นบางอย่างหรือเกิดการดลใจให้เดินทางหรือกระทำบางอย่าง ซึ่งเกื้อหนุนให้ท่านและครอบครัวแคล้วคลาดปลอดภัย แต่หากท่านไม่ได้เริ่มชำระล้างจิตใจของท่านเองตั้งแต่วันนี้ ท่านจะยังคงเป็นคนมืดบอด ..มืดบอดทั้งโลกนี้และโลกหน้าที่ท่านจะเดินทางไป..

ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงไม่ควรประมาท ด้วยประการทั้งปวง..

๓. เมื่อท่านได้ทำการขอขมาและขออโหสิกรรมต่อผู้มีคุณทั้งปวง พร้อมทั้งได้แผ่เมตตาให้กว้างออกไปโดยไร้ข้อจำกัดไปยังบรรดาสรรพสัตว์ ภูตผี สัมภเวสี เปรต อสุรกายและจิตญาณทุกชั้นทุกภูมิ โดยกระทำอยู่เป็นนิจ กระทำโดยปราศจากความคิดอคติข้อยกเว้นในอริหรือผู้ใดที่ท่านไม่ชื่นชอบ และปราศจากความคาดหวังใด ๆ ให้ตัวท่านเอง ..จิตวิญญาณของท่านจะเกิดความสว่างไสวขึ้นโดยอัตโนมัติ

.. เมื่อความคิด คำพูดและการกระทำทางด้านมืดใหม่ ๆ ไม่เกิดขึ้น ของเก่าที่ตกตะกอนค้างนิ่งมานานก็จะค่อย ๆ เสื่อมสลายไปด้วยกระแสธรรม บรรดาเจ้ากรรมนายเวรที่ท่านจะสร้างขึ้นใหม่ก็มีน้อยลง บรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่า ๆ ที่เคยอาฆาตจะเอาชีวิตท่านก็จะบรรเทาลงเหลือเพียงความโกรธ .. บรรดาเจ้ากรรมนายเวรที่โกรธท่านอยู่ก็จะบรรเทาเบาบางลงไปจนหายเป็นปลิดทิ้ง แล้วก็จากท่านไป ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเหล่านั้น ยังจะอนุโมทนา เคารพท่านและขอบคุณท่านที่ได้มอบพลังบุญจากการปฏิบัติภาวนาในกระแสธรรมของท่านอีกด้วย

๔. ในการก้าวเข้าสู่กระแสธรรมจากการปฏิบัติตามข้อ ๓ ในระยะแรก ท่านจะพบความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง โดยทางร่างกาย ท่านอาจท้องเสีย มีผดผื่น เป็นไข้ ปวดหัวหนักๆ ต่อเนื่องหรืออื่น ๆ ..ส่วนทางจิตใจ ท่านจะได้พบกับฝันร้ายถึงปิศาจ ผี มาร เปรตหรืออะไรต่าง ๆ ติดกันหลาย ๆ คืน ..ขอให้อย่าได้ตกใจกลัวหรือตระหนกกับสิ่งเหล่านั้น ทั้งหมดเป็นการผลักดันกระแสมืดออกจากร่างกายและจิตใต้สำนึกของท่านโดยกระแสธรรม

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อท่านภาวนาได้มาถึงระดับหนึ่ง ท่านจะค้นพบความมืดในใจของท่านชัดเจนขึ้น ท่านจะพบการดิ้นรนทุรนทุรายและไม่ยอมพ่ายแพ้โดยง่ายของมารหรือกิเลสที่มันฝังตัวอยู่ในนั้น มันมักจะกล่อมท่านด้วยภาพ ด้วยความฝันหรือรูปลักษณ์อื่น ๆ ความคิดอื่น ๆ ซึ่งจะคอยชักจูงท่านให้เดินออกจากกระแสธรรม แล้วหวนกลับไปสู่กิเลสและสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านเคยมีเคยเป็นอยู่ในโลกใบเดิมของท่าน ซึ่งท่านเรียกมันว่าความอบอุ่นที่คุ้นเคย แต่หาใช่ความอบอุ่นที่แท้จริงไม่

ในกาลนี้ ขอให้ท่านย้อนกลับไปปฏิบัติตามข้อ ๑ อีกครั้งด้วยความเพียรที่ท่านมี ด้วยความหนักแน่น และด้วยความมุ่งมั่นของท่าน อาศัยบารมีแห่งองค์พุทธะ ท่านจะสามารถชนะมารในใจท่านได้ด้วยความเมตตาและความรักของท่านได้ในที่สุด

.. เนื่องจากบารมีแห่งองค์พุทธะนั้นสว่างไสวไปทั่วสากลจักรวาลทุกชั้นทุกภูมิและสามารถ เอาชนะมารได้ทั้งหมดทุกตัว อย่างไม่มีข้อยกเว้น..

๕. ในกาลข้างหน้า ท่านจะได้พบเห็นความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกมากขึ้น ท่านจะเห็นภัยพิบัติถี่และรุนแรงยิ่งขึ้น แต่ขอให้ท่านเข้าใจว่า กระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นไปเพื่อยกระดับพลังงานและจิตวิญญาณของโลกใบนี้ให้สูงขึ้นสู่ระดับจักรวาล ทั้งหมดเป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีตกาล และจะคงยังมีอีกนับไม่ถ้วนครั้ง

ในอนาคตกาล ท่านจะพบเห็นสงครามกลางเมือง สงครามระดับประเทศ ผู้คนที่มีจิตมืดจะออกมาประหัตประหารกันเอง ด้วยพวกเขาเข้าใจว่า การประหัตประหารนั้นนำมาซึ่งการยึดครอง ถือครอง และครอบครองโลกใบนี้ ผู้คนจำนวนมากจะถูกหลอกใช้ด้วยเข้าใจว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงที่ถูกต้อง ทั้งหมดเป็นการกระทำโดยฝ่ายมาร ..ทว่าเป็นความเข้าใจและปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้นโดยฝ่ายธรรม ...ท่านที่ "ตื่นแล้ว" ขอให้หลีกเลี่ยงและอย่าได้เดินเข้าไปในเส้นทางนั้นอีก

ท่านจะได้พบกับสภาพอากาศที่วิปริตแปรปรวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเหน็บหนาว หิมะตก ลูกเห็บหล่น แผ่นดินไหวหนักหน่วงถี่ขึ้น ๆ จวบจนกระทั่งเกิดขึ้นหนักที่สุดพร้อมกันทั่วโลก ลมพายุหมุนนับไม่ถ้วนลูก พายุฟ้าผ่า ภูเขาไฟระเบิด ฟ้ามืดมนต่อเนื่อง ดวงอาทิตย์คล้ายกับดับหายไปในช่วงวิกฤต ...ท่านที่ปฏิบัติดีแล้ว ขอให้อยู่ในความสงบ ฟังเสียงในหัวใจของท่าน ฟังสัญชาตญาณที่ได้รับการดลใจจากพระพุทธองค์และพระศรีอาริยเมตไตรย์ ด้วยความปล่อยวางและการคลายจิตของท่านมาก่อนหน้านี้ ไม่มีสิ่งใดที่ท่านจะต้องตื่นกลัวอีกต่อไป

ท่านจะพบการจากไปของสัตว์และสิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์ ในขณะที่จะได้พบกับการมาเยือนของบางสายพันธุ์ที่ท่านไม่เคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ระดับเชื้อโรคที่จะสามารถมาทำร้ายสุขภาพของหลาย ๆ ชีวิต ในขณะเดียวกัน สัตว์ร่วมโลกจำนวนหนึ่งจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเขาจะดุร้ายเกรี้ยวกราดมากขึ้น จะทำร้ายกันเองหรือทำร้ายผู้เลี้ยงอย่างขาดสติ ดังนั้น ท่านที่มีสัตว์เลี้ยงขอให้เฝ้าระวังดูแลและสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงของท่านให้ใกล้ชิด ในภาวะวิกฤต ท่านอาจได้รับอันตรายจากสัตว์เลี้ยงของท่านเอง

ระบบเศรษฐกิจที่สนับสนุนให้ชาวโลกดื่มด่ำกับการเป็นหนี้เป็นสิน ระบบการเงินต่าง ๆ เหล่านี้จะล่มสลายลงและได้รับการจัดสรรสิ่งใหม่ขึ้นมา สภาวะเสื่อมสลายของระบบที่คิดค้นโดยฝ่ายมืดจะค่อย ๆ เกิดขึ้น มากขึ้น ๆ อย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอันใกล้เมื่อท่านได้เห็นสัญญาณบางอย่างในระบบเศรษฐกิจโลก ท่านควรเปลี่ยนกระดาษในมือของท่านเป็นสิ่งของสำหรับค้ำจุนชีวิต ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นเพียงเศษกระดาษใช้ก่อไฟเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ บางท่านอาจจะตื่นกลัว หรือตระหนกตกใจกับข่าวเภทภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น นั่นหมายความว่า ท่านยังไม่ได้ผ่านการปฎิบัติเพื่อเข้าสู่กระแสธรรมอย่างแท้จริง และท่านยังไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ทั้งหมดชีวิตและโลกนี้ที่ท่านลืมตามาอาศัยและหายใจรดอยู่ทุกวัน ๆ นั้น คืออะไร..

ท่านควรเร่งศึกษา สอบถามผู้รู้ ขอรับคำชี้แนะด้วยความนอบน้อม เมื่อท่านเข้าใจและเห็นภาพรวมต่าง ๆ ชัดเจนดีแล้ว ท่านจะอยู่ในอาการที่สว่าง สงบ และยิ้มรับความเปลี่ยนแปลงอย่างเบิกบาน..

๖. ท่านที่ยังคงประมาท ไม่ได้เริ่มที่จะเรียนรู้ ไม่คิดที่จะศึกษาและไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์ท่านได้สอนสั่งไว้ ในช่วงวิกฤตนั้น ท่านอาจจะได้พบกับสภาวะยุ่งยากจากผู้มาเยือนจากภพอื่น ไม่ว่าจะเป็นผี เปรต อสุรกาย สัตว์นรก หรือจิตญาณอื่นใดก็ตามที่ยังคงมีพันธะทางวิญญาณ ติดตามโกรธแค้นต่อท่านจากอดีตชาติ ในกาลเวลานั้น พวกเขาจะมาหาท่านถึงเคหสถานของท่าน หากท่านไม่ทราบว่าจะรับมืออย่างไร จะต้องปฏิบัติอย่างไร ท่านจะประสบปัญหาหนักกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น ขอให้เริ่มต้นศึกษาและถามไถ่ผู้รู้จากกรณีดังกล่าวนี้

๗. ในบรรดาเส้นทางแห่งกระแสธรรมทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะมาจากทิศใด อ้อมๆ เลี้ยวโค้ง มีหลุมมีบ่อ เป็นเลนตม หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะได้มาร่วมอยู่ในเส้นทางเดียวกันทั้งสิ้น ท่านใดถูกจริตในการจะเริ่มที่กลางทางก็ทำไปตามนั้น ท่านใดถูกจริตที่จะเริ่มต้นตั้งแต่การฝึกสมาธิให้เรียบและทรงพลังก็ขอให้ทำไปตามที่ท่านรู้สึก หรือหากท่านใดที่พบว่าท่านผ่านการเรียนรู้มาไกลแล้วตั้งแต่อดีตภพก่อนหน้านี้ ก็ขอให้ท่านเริ่มต้น ณ จุดที่ท่านสัมผัสได้

.. ทั้งนี้ทั้งนั้น ขออย่าได้ตำหนิติเตียน ดูถูกดูแคลน กล่าวหาว่าร้าย หรือโต้แย้งบาดหมางซึ่งกันและกัน ทว่าขอให้เมตตาต่อกัน ชี้แนะต่อกัน ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน .. ส่วนฝ่ายที่จะได้รับการชี้แนะสอนสั่งนั้น ก็ขอให้เคารพนบนอบต่อครูบาอาจารย์ แม้ว่าจะยังคงมีบางสิ่งบางอย่างในตัวครูบาเหล่านั้นที่ท่านยังคงไม่ชอบใจอยู่ก็ตามที ทั้งนี้.. เมื่อถึงเวลาอันควร ท่านผู้มีคุณเหล่านั้น ต่างก็จะได้บรรลุหลุดล่วงสู่กระแสธรรมเดิมแท้ด้วยกันทั้งหมด

...จากนี้ไป ยังคงมีเวลาให้ท่านได้เริ่มต้นอยู่บ้างสำหรับท่านที่ยังไม่แน่ใจและสับสน สำหรับท่านที่มีการเตรียมพร้อมทั้งทางกายและจิตวิญญาณดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านช่วยบอกสอนผู้อื่นต่อไปเท่าที่ท่านจะทำได้ เขาจะรับฟังและปฏิบัติตามหรือไม่ ทั้งหมดเป็นบุญกรรมของเขา ขอให้ทำไปตามหน้าที่ด้วยความปรารถนาดีอย่างไม่มีขอบเขต เท่านั้นพอ..

..ขอให้เจริญในธรรม..(-/\-)

๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

วิญญ์ ชวาทิต สื่อสาร..