Pages

Saturday 17 March 2012

การแสดงออกของพลังงานกับความสัมพันธ์ สังเกตการณ์ผ่านภาพที่บันทึกด้วยกล้องเกอร์เลี่ยน


การแสดงออกของพลังงานกับความสัมพันธ์ สังเกตการณ์ผ่านภาพที่บันทึกด้วยกล้องเกอร์เลี่ยน

มีเรื่องสนุกๆ เบามาเล่าสู่กันฟังครับ.. Doc นี้เริ่มมากจากการรวมโพสต์ของ อ.แม่ไก่ @Kornkarn Bhamarapravati ที่นำภาพสวยๆ จากการถ่ายรูปพลังงานด้วยกล้อง Kirlian ซึ่งหลายๆ คนคงเคยเห็นภาพ แสงสีต่างๆ รอบตัวที่เรียกกันว่า Aura ที่จะเปลี่ยนรูปร่างและสีไปตามระดับจิตและสุขภาพของนาย/นางแบบ


ครั้งนี้ไม่ได้เอาภาพ Aura ที่คุ้นเคยมาให้ดูแต่เป็นภาพถ่ายพลังงานจากแค่นิ้วโป้งมาให้ดู ไม่รู้ว่าเรียกว่า Aura นิ้วได้หรือเปล่า การเชื่อมโยงและการแปลความภาพชุดแรกจะมุ่งไปที่ความสัมพันธ์ของบุคคล
โดยภาพทั้งหมดได้มาจาก  http://randyhiatt.tripod.com/Kirlianpage.html ให้ไว้เผื่อผู้อ่านต้องการตรวจสอบแหล่งที่มา


เริ่มจากการปูพื้นให้เห็นว่า ภาพถ่ายจากนิ้วด้วยกล้อง Kirlian จะเปลี่ยนไปตามความคิด ภาพซ้ายเป็นแสงจากหัวแม่มือคนสามคน ภาพขวาเป็นแสงจากคนสามคนเดิม ที่ถูกขอให้คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เป็นบวก สิ่งที่เราสังเกตเห็นได้ คือ ภาพด้านขวาเห็นความเข้มของแสงและความสมบูรณ์ โดยดูได้จากขอบที่เรียบและได้ทรงกลมที่เต็มกว่า




---------------------------------------- 

ดูภาพเดี่ยวแล้ว(เข้าเรื่อง)มาดูภาพคู่กันบ้าง

ภาพแรกเป็นภาพถ่ายนิ้วคู่สมรส ซึ่งถูกขอให้คิดเรื่องไม่ดีของอีกฝ่าย สังเกตสีและลายเส้น และโดยเฉพาะระหว่างหัวแม่มือดูเหมือนมีแถบพลังงานขีดคั่นไว้เลย ความคิดเรื่องไม่ดีน่าจะส่งผลต่อความคิดไม่ยอมรับกัน คือ เกิดอาการตั้งป้อมตั้งการ์ดขึ้นมาด้วย


---------------------------------------- 

(หลังจากยุให้สามีภรรยาเขาเกลียดกันแล้ว) ครั้งนี้คู่สมรสถูกขอให้คิดเรื่องดีๆ loving thought ดูสีสดใสและแสงชายขอบส่องสว่าง ที่สำคัญ คือ ไม่มีพรมแดนระหว่างหัวแม่มือ

สรุปคร่าวๆ ว่าถ้าสามีภรรยาคู่ไหนอยากมีรูปพลังนิ้วโป้งสวยๆ แบบนี้ก็ต้องหมั่นสร้างและสะสมความคิดดีๆ ต่อกัน เช่น ความรัก ความปรารถนาดี ความสำนึกขอบคุณ รู้คุณ (Appreciation) ความกตัญญูกตเวที การให้อภัยแบบไม่มีอะไรติดค้างคาในใจ และความรักที่ปราศจากเงื่อนไข




---------------------------------------- 
รูปชุดสุดท้าย (แอบออกแนวติด rate เล็กๆ ยังไม่ถึงกับต้องเบลอเพราะกระทำไปเพื่อการศึกษาโดยบริสุทธิ์ใจ) เป็นภาพถ่ายปลายนิ้วมือคู่สมรสมองตากันแล้วจุมพิตกัน พลังงานที่กล้องจับได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยก



---------------------------------------- 

ก่อนจบแถมเล็กน้อยอีกหนึ่งภาพ ภาพนี้เป็นภาพถ่ายเกอร์เลียนของใบไม้ ผักผลไม้ก็มีพลังงานชีวิต รูปขวาคือภาพเกอร์เลียนของใบไม้ที่ส่งความปรารถนาดีไปให้ ยี่สิบนาทีหลังปลิดใบ ปรกติแสงจะจางลง นี่คือผลของการส่งความรู้สึกดีๆ หรือการแผ่เมตตาก็น่าจะส่งผลคล้ายๆ กัน นี้อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ง่ายๆ ที่เราทำให้ได้กับคน(ใจ)อ่อนแอ หรือคนป่วย ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็ส่งความรู้สึกกันด้วยคำพูดให้สัมผัสอันอบอุ่นของเรา เรามาส่งความรักให้กันเยอะๆ ดีมั้ย ไม่ต้องสนว่าเขาเป็นใคร เป็นอะไร จะเป็นจะอยู่หรือตาย รักหมดทุกสรรพสิ่งเลย คงไม่แปลกเกินไปนับจากนี้เมื่อคุณกินอาหาร... ส่งความรู้สึกดีๆ เช่นการขอบคุณให้เกียรติรู้คุณต่ออาหารที่คุณกินทุกคำ


สุดท้ายแล้วครับ...ในพลังงานใหม่ ในช่วงเวลาที่เรารู้จักเลือก และเลือกได้ นอกจากเลือกความคิด คำพูด และการกระทำได้แล้ว อาหารก็เป็นสิ่งที่เลือกได้เช่นกัน เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี คุณต้องเลือกอาหารที่มีพลังชีวิตดีๆ สูง ซึ่งพืชจะเป็นแหล่งอาหารที่มีพลังงานดีมากกว่าเนื้อสัตว์ พืชที่ปลูกด้วยระบบออร์แกนิกจะมีพลังงานดีสะสมมากกว่าพืชที่ปลูกขายทั่วไปด้วย...

....เพราะคุณเลือกได้ เลือกเลยครับ

Love Letter #3 - คุณก็รู้คำตอบ



กระซิบเบาๆกระซิบลอยลม...(เขียน Doc ไว้เป็นโพสต์นี้ก่อนเพราะต้องตอนนี้ มันรอไม่ได้) 

คนบางคนถามคำถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบ... โดยเฉพาะ(แต่ไม่จำกัด)คนในกลุ่มนี้..ดังนั้น ผมแนะนำว่าเมื่อถามแล้วรอฟังคำตอบของตัวเองเลยครับ.. 

I AM that i am.
I AM no separated from the others(which is illusion)..
I AM INFINITE LIGHT and I AM INFINITE LOVE... 
Dear ME my infinite intelligence ... Tell me now....

ปล1.. ถ้าไม่ได้คำตอบก็อย่าเข้าใจผิดเพราะนั่นคือคำตอบ คุณกำลังตอบตัวเองว่า.. คำตอบของคำถามนั้นยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ คุณจะรู้เองเมื่อเวลามาถึงปล2. กรุณาอย่าใช้มุข ปล1.นี้กับคำถามโลกๆหรือตอนเข้าไปสอบในโรงเรียน และอย่าเอาผมไปอ้างกับคุณครูเชียว

Wednesday 14 March 2012

Love Letter #2 - กฏแห่งกระจกเงา



การคาดหวังให้คนอื่นมาเข้าใจเรานั้นเป็นปัญหาของทุกคนครับ... ผมเองก็เป็นคนนึงที่เข้ามุมมืดวันละหลายครั้งเมื่อคุยกับหลายๆคนรอบข้าง..โดยเฉพาะคุณลูกชายสุดหล่อ..

ในทางกลับกัน..การคิดว่าเราเข้าใจผู้อื่นดีแล้วก็เป็นอีกปัญหาที่ทุกคนมีแต่มักไม่รู้ตัวและไม่ยอมรับ.. เราเข้าใจถูกตรงหรือไม่ก็ไม่มีใครบอกได้.. เวลาผมสำรวจตัวเองตอนที่มีวาทะกรรมกับลูกก็พบประจำว่าเราเอาประสบการณ์และกรอบความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง สุดท้ายก็ถึงข้อสรุปว่า สิ่งที่เราคิดว่าเราเข้าใจ(เขา) ที่จริงเราเห็นเงาสะท้อนความคิดของตัวเอง....สำหรับปุถุชนคนเดินดินนั้น..​สิ่งที่เราเห็นและรับรู้ถึง ผู้คน-สิ่งของ-เรื่องราว ต่างๆรอบตัวล้วนเป็นเงาความคิดตัวเอง..แน่แท้จนอยากจะเรียกว่าเป็นกฏแห่งกระจกเงากันเลย

ผมอยากให้มองฉากการตูนขำๆ..มีชายหญิงยืนหันหน้าทะเลาะกันโดยมีกระจกเงากั้นระหว่างสองคนนั้น... ทั้งชายและหญิงคู่นั้นอาจไม่รู้ว่าทะเลาะด่าว่าความเป็นตัวเขาเองอยู่ แต่คนนอกมองเห็นภาพรวมทั้งชายทั้งหญืงทั้งกระจกเงา...คุณว่าน่าสงสารมั้ย...

ความเข้าใจซึ่งกันและกันจึงเป็นความคาดหวังที่สูงเกินกำลังมนุษย์เดินดิน... นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเลิกล้มที่จะเข้าใจกันและกัน แต่ต้องเข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบหรือความพิการของตัวเราเองก่อน จากนั้นดูซิว่าเรายอมรับตัวเองได้หรือไม่ในความไม่สมบูรณ์แบบนี้ เมื่อเรายอมรับความพิการของเราได้แล้ว เราก็จะยอมรับคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะ
1.ยอมรับความพิการได้ว่าไม่น่ารังเกียจ เพราะเรายอมตัวเองง่ายกว่ายอมคนอื่น
2.ยอมรับเพราะเราพิการเหมือนกัน  เพราะความเหมือนจะทำให้เป็นพวกเดียวกัน เป็นจุดร่วมที่ต่อยอดเป็นความรักสามัคคี
3.ยอมรับความพิการของเขาที่เราเห็นก็คือตัวเราเอง  เป็นไปตามกฏแห่งกระจกเงา
เมื่อยอมรับตนเองได้ก็ยอมรับผู้อื่นได้แล้ว จากการ ยอมรับตนเอง ก็ขยับเป็นความเข้าใจตนเอง เป็นความรักตนเอง เป็นการให้อภัยตนเอง และเป็นการให้โอกาสตนเอง...  ทั้งหมดนี้ต้องให้กับตัวเองก่อนเสมอ... เมื่อให้ตัวเองได้อย่างนี้แล้วจึงสะท้อนออกไปให้ผู้อื่น คือ ยอมรับเขาและเข้าใจเขา(ในความพิการที่เหมือนเรา)  รัก ให้อภัย และให้โอกาส ได้โดยไม่รู้สึกเสียเปรียบหรือโดยเอาเปรียบ ซึงเป็นความจริงในมุมมองของเรา.. 

วันนี้ผมเขียนถึงความไม่สมบูรณ์แบบหรือความพิการในความหมาบติดลบพอควร... เลยขอปรับพลังงานเล็กน้อยในความเข้าใจเกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์นี่ว่าไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แต่เป็นกลยุทธ์ของใครไม่ทราบที่สร้างสิ่งนี้ไว้ให้เป็นเหตุของความเข้าใจกันและกัน(ในความพิการที่เหมือนกัน).. .. คือในทางตรงช้าม..ถ้าใช้กลยุทธ์มอบความสมบูรณ์แบบให้เหมือนกันทุกคน เราจะหาโอกาสในความเห็นอกเห็นใจกัน(compassionate)ได้จากที่ไหน .. จริงมั้ยครับ..



รักตัวเองได้ก็จะรักคนอื่นได้เช่นกันครับ...ขอให้สนุกกับการทดลองส่องเงาตัวเองในผู้คนรอบๆตัวครับ... 


KindParticle@AscensionThailand




Monday 12 March 2012

Love Letter #1 - อย่าทุกข์เลย


ความทุกข์(ใจ)ปลอมตัวมาได้หลายลักษณ์ ในความรับรู้ทางอุณหภูมิบางทีก็ ร้อนบ้าง หนาวบ้าง เย็นชืดบ้าง รับรู้ทางแรงกระทำก็ ผลักบ้าง ดึงดูดบ้าง กดดัน(ในสู่นอก/นอกสู่ใน)บ้าง บิดบ้างฉีกบ้างก็มี ยิ่งเราวิวัฒน์ไปเรื่อยๆ การจัดแยกแยะจะยากมากขึ้นตาม

คำถามมีอยู่ว่ามันมีประโยชน์หรือไม่ที่จะต้องแยกแยะให้ได้ คำตอบคือไม่ แต่... ถ้าแยกได้ ก็จะจำได้ ก็จะรู้ตัวง่ายขึ้น การรู้ตัว(ว่าทุกข์)นี่หละคือ bottom line จะรู้ชัดหรือไม่ชัดก็ขอแค่ให้รู้ว่าทุกข์ก่อนเป็นต้นทางที่ถูกตรงแล้ว การตั้งต้นให้ถูกนั้นเองก็ไม่ได้มีจุดหมายเพื่อให้เดินออกจากทุกข์ได้ (ทำไมหละ!!! วันหลังค่อยว่ากัน)

ร่ายซะยาวนี่ไม่ใช่ว่าจะสอนธรรมมะท่านๆหรอก...เพียงแต่เป็นห่วงเพื่อนหอไฟและเพื่อนประภาคารที่กำลังอับเกรดเฟิร์มแวร์กันอย่างขมักเขม้น บางทีก็อัปผิดบ้าง บางที่อัปเกรดนานก็เป็นทุกข์เป็นร้อน อัปไปแล้วก็ว่าช้าบ้างหาของหาปุ่มไม่เจอใช้ไม่เป็น จึงต้องออกมาเตือนกัน ให้กำลังใจกันเป็นระยะไม่ให้ลืมกัน

ก่อนคุณเดินคุณต้องรู้ว่าเส้นทางนี้คนเดินยังน้อย มันขรุขระ พวกรับเร็ว (Early adoptor) อย่างเราท่านนั้น บางคนมีหน้าที่มากรุยทางติดป้ายทำแผนที่และคู่มือ บางคนมาเอาความมันส์แบบขับรถออฟโร้ด อดินาลินพลุ่งพล่านแล้วรู้สึกมีชีวิต ไม่ว่าจะมาทำมัย ขอจงได้รับความรักและความเคารพจากผม นายแน่มาก...

อาการเมารถเมาเรือถ้ามี.."ให้เห็นว่ามี" (ก็ถนนมันขรุขระอยู่).. บางคนเหงา..บ้างหงุดหงิด..บ้างก็มีอาการทางกายร่วมด้วย อย่ากลัวครับ.. อย่างมากก็แค่ตายไม่น่ากลัวนะ ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าให้ทนไปนะขอรับ งัยก็ต้องดูแลจัดการไปตามสมควร..

อาการทางกายปวดหัวเป็นหวัดก็ต้องไปหาหมอกินยาเพื่อส่งสัญญาณบอกร่างกายว่าเราจะดูแลกันไม่ต้องห่วง...แต่ให้พึ่งยาพึ่งเทคโนโลยี่ให้น้อยลง ดูแลตัวเองมากขึ้นโดยการดีท๊อกซ์กาย-ความคิด-พลังงาน กินให้ครบ พักให้พอ อาการที่เหลือก็ให้ถอยออกมาดู จ๊ะเอ๋แล้วบ๊ายบาย ด้วยความรักและขอบคุณ

สัมมาทิฏฐิเป็นเครื่องมือสำคัญมาก เหรียญมีสองด้าน น้ำครึ่งแก้วก็มีสองครึ่ง .. ยกตัวอย่างความเหงา "loneliness could be delivertive of detaching which is FREEDOM in disguised... ความเหงาอาจเป็นผลพลวงจากการแยกตัวซึ่งที่จริงแล้วเป็นอิสรภาพปลอมตัวมา" แต่ต้องเข้าใจให้ถูกด้วยว่าการแยกตัวที่ถูกคือการลดการให้น้ำหนักกับความคิดติดป้ายของคนในสังคม ไม่ใช่การแยกตัวออกจากสังคมและเพื่อนๆ..

อย่าลืมครับ.. นึกอะไรไม่ออกบอก "สัมมาทิฏฐิ" ก่อน

สวัสดี

KindParticle@AscensionThailand

Wednesday 7 March 2012

หายใจไปด้วยกัน


หายใจไปด้วยกัน


คุณทราบหรือไม่ว่าคนเราเกิดมาหายใจเฮือกแรกคือหายใจออก... และเฮีอกสุดท้ายก็จบที่หายใจออกเช่นกัน...

ใครได้อ่านข้อความนี้อยู่...หายใจไปด้วยกันนะครับ...

หายใจออก...ความเครียดที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก จากหัวจรดเท้า คลายออกให้หมด ปล่อยหมด วางหมด...ของเสียและส่วนเกินขอคืนให้ธรรมชาติ ไม่เอาก็ได้นะกายนี้ แต่ขอบคุณเธอเหลือเกินที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด

หายใจเข้า... ดื่มพลังงานแห่งชีวิต อุดมด้วยรักอันอ่อนโยนและไร้เงื่อนไข ไหลผ่านทุกส่วนของร่างกายจากแกนในสู่เส้นประสาทเนื้อเยื้อกล้ามเนื้อผิวหนัง เพื่อนรัก...เราจะดูแลกันและกัน

หายใจออก...ม่านหมอกความคิด ความร้อนรุ่ม การตัดสินติดป้ายทั้งปวง คลายออกหลุดออกไปพร้อมลมหายใจออก ธาตุความคิด...เหนื่อแล้วเธอพักได้ ขอบคุณเธอเหลือเกินที่เป็นผู้นำมาตลอด

หายใจเข้า... เติมพลังงานแห่งชีวิต อุดมด้วยรักอันอ่อนโยนและไร้เงื่อนไข ยังความกระจ่างชัดของการรับรู้ทั้งตาหูจมูกลิ้นกายและใจ ณ ปัจจุบันขณะ เพื่อนรัก...ต่อไปนี้เราเดินไปพร้อมกัน

หายใจออก...(เพราะ)ลมหายใจออกนี้(อาจ)เป็นลมหายใจสุดท้าย...ฉันพร้อมและขอต้อนรับวาระนี้ด้วยความยินดียิ่ง..ขอแสงสุกสว่างด้วยรักและปัญญาจากทุกมิติเป็นกำลังและเป็นพยาน ลมหายใจสุดท้ายนี้แทนดอกกุหลาบบอกรัก ขอขมา และสำนึกในบุญคุณ ฉันขอโทษทุกจิตวิญญาณที่เคยล่วงเกินสร้างความขุ่นข้องเดือดร้อนทุกข์ใจ .. ขอบคุณที่เสียสละมอบบทเรียนแห่งรักแม้ว่ามันจะยากหรือเจ็บปวดเพียงใดสำหรับเธอ

.......ภาระไม่มี(จริง) พันธะก็ไม่มี(จริง) ฉันรู้แล้วว่าโซ่ตรวนเหล่านั้นเป็นภาพลวงตา ฉันเป็นอิสระแล้ว สู่ภาวะไร้ขีดจำกัดของเวลาและสถานที่ ได้กลับบ้าน(ที่ไม่เคยจากมา)ซะที

หายใจเข้า... ฉันคือแสงสว่าง ฉันคือความรัก ฉันคือปัญญา ... ส่องยิ้มให้เพื่อนประภาคารและสรรพสิ่ง และรู้ว่าเธอก็กำลังทำเช่นเดียวกัน ฉันรักและยกย่องคารวะเธออย่างที่เธอเป็นเธอ ด้วยอิสระจากพันธะลวงตาทั้งปวง..ฉันพร้อมรับประสบการณ์และบทเรียนแห่งรัก ฉันพร้อมแล้วที่จะสร้างความจริงของตัวเอง

.......ฉันคือแสงสว่าง ฉันคือความรัก ฉันคือปัญญา I AM THAT I AM



-อนุภาคใจดี